แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันอาทิตย์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

ข่าวดี    ยอห์น 1:6-8, 19-28
(6)พระเจ้าทรงส่งชายผู้หนึ่งมาเขาชื่อ ยอห์น  (7)เขามาในฐานะพยานเพื่อเป็นพยานถึงแสงสว่าง (8)เขาไม่ใช่แสงสว่างแต่เป็นพยานถึงแสงสว่าง
(19)ยอห์นเป็นพยานดังนี้ เมื่อชาวยิวจากกรุงเยรูซาเล็มส่งบรรดาสมณะและชาวเลวีไปถามยอห์นว่า “ท่านเป็นใครเล่า”  (20)เขามิได้ปิดบังความจริง แต่ยืนยันว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์”  (21)ดังนั้น เขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นใคร เป็นเอลียาห์หรือ” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์” “ท่านเป็นประกาศกหรือ” เขาตอบอีกว่า “ไม่ใช่”  (22)เขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ท่านเป็นใคร เราจะได้นำคำตอบไปให้ผู้ที่ส่งเรามา ท่านพูดถึงตนเองอย่างไรเล่า”  (23)ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผู้ที่ร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่าจงทำทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงเถิด”ดังที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวไว้  (24)ผู้ที่ถูกส่งไปถามนั้นเป็นชาวฟาริสี  (25)เขาถามยอห์นอีกว่า “ทำไมท่านจึงทำพิธีล้าง ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์ ไม่ใช่เอลียาห์ และไม่ใช่ประกาศก”  (26)ยอห์นตอบพวกเขาว่า “ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่มีผู้หนึ่งประทับอยู่ในหมู่ท่าน เป็นผู้ที่ท่านไม่รู้จัก  (27)ผู้นั้นมาภายหลังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา”  (28)เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานี อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนซึ่งยอห์นกำลังทำพิธีล้างอยู่


น่าสังเกตว่า พระวรสารโดยนักบุญยอห์นดูเหมือนจะพยายามลดความสำคัญหรือลดบทบาทของยอห์นบัปติสตาอยู่บ่อย ๆ ดังตัวอย่างเช่น
- จากพระวรสารวันนี้ “ยอห์นไม่ใช่แสงสว่างแต่เป็นพยานถึงแสงสว่าง” (ยน 1:8) “ท่านไม่ใช่พระคริสต์” (ยน 1:20) “ท่านไม่ใช่ประกาศกที่ชาวยิวรอคอย” (ยน 1:21)
    - เมื่อศิษย์ของยอห์นไปฟ้องยอห์นว่าพระเยซูเจ้ากำลังทำพิธีล้างเหมือนกัน โดยคาดหวังว่ายอห์นจะต้องไม่พอใจพระเยซูเจ้าเป็นแน่ แต่ยอห์นกลับตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสตเจ้า แต่ข้าพเจ้าถูกส่งมาก่อนพระองค์” (ยน 3:27)
    - ผ่านทางความคิดของพวกฟาริสีว่าพระเยซูเจ้าประสบความสำเร็จมากกว่ายอห์น “บรรดาชาวฟาริสีได้ยินว่าพระเยซูเจ้าทรงทำพิธีล้างและทรงมีศิษย์มากกว่ายอห์น ความจริงแล้ว ผู้ทำพิธีล้างไม่ใช่พระองค์แต่เป็นบรรดาศิษย์” (ยน 4:1-2)

    - ผ่านทางปากของประชาชนที่พูดว่า “ยอห์นไม่ได้ทำเครื่องหมายอัศจรรย์อะไรเลย” (ยน 10:41)
สาเหตุที่ยอห์นอัครสาวกจำต้องกระทำเช่นนี้เป็นเพราะว่า ชาวยิวไม่ได้ยินเสียงของประกาศกมานานกว่า 400 ปีแล้ว เมื่อยอห์นบัปติสตาปรากฏตัวมาเทศน์สอนเหมือนประกาศก ท่านจึงได้รับการยอมรับและยกย่องอย่างสูง  ชาวเมืองเอเฟซัสที่มีความเชื่อบางคนถึงกับตอบนักบุญเปาโลว่า “พวกเรายังไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำไปว่ามีพระจิตเจ้า” และเมื่อเปาโลถามพวกเขาว่า “แล้วท่านได้รับพิธีล้างใดเล่า” พวกเขาตอบว่า “พิธีล้างของยอห์น” (กจ 19:2-3)
แม้ล่วงเลยมานานจนถึงปี ค.ศ. 250 ยังมีหลักฐานบ่งชี้ว่าศิษย์ของยอห์นบัปติสตาเทศน์สอนราวกับว่ายอห์นคือพระเมสสิยาห์
ยอห์นอัครสาวกจึงพยายามชี้ให้เห็นว่า แม้ยอห์นบัปติสตาจะมีบทบาทและความสำคัญสูงส่งสักเพียงใดก็ตาม ท่านก็ยังเป็นรองพระเยซูคริสตเจ้า
เท่ากับว่ายอห์นอัครสาวกเองกำลังเป็นพยานยืนยันถึงพระเยซูคริสตเจ้าที่เรากำลังเตรียมรับเสด็จอยู่นี้ว่า พระองค์ยิ่งใหญ่สูงสุด .....
สูงกว่าพระสงฆ์  สูงกว่าทุกคนในพระศาสนจักร  และสูงกว่าบรรดานักบุญทั้งปวง ..... !

คำ “ชาวยิว” ปรากฏในพระวรสารของยอห์นมากกว่า 70 ครั้ง และมักใช้เพื่อหมายถึง “ฝ่ายตรงข้ามกับพระเยซูเจ้า”
เหตุที่ชาวยิวส่งบรรดาสมณะและชาวเลวีไปถามยอห์น เป็นเพราะว่ายอห์นเป็นบุตรของเศคาริยาห์ผู้เป็นสมณะ (ลก 1:5) และตำแหน่งนี้สืบทอดทางสายโลหิต
ในสายตาของบรรดาสมณะและชาวเลวี ยอห์นจึงเป็นสมณะคนหนึ่ง !
แต่ยอห์นประพฤติปฏิบัติไม่เหมือนกับสมณะคนอื่น ๆ  ท่านเทศน์สอนไม่เหมือนสมณะคนอื่น ๆ  บรรดาผู้มีอำนาจในสมัยนั้นจึงมองท่านด้วยความเคลือบแคลงสงสัย
และท่าทีเช่นนี้ยังตกทอดมาถึงทุกวันนี้ !
พวกเขาถามยอห์นว่า “ท่านเป็นใครเล่า” โดยคาดหมายว่ายอห์นคงจะอ้างตัวเองเป็นคนใดคนหนึ่งใน 3 ประเภทนี้ คือ
1.    พระเมสสิยาห์  ชาวยิวรอคอยพระเมสสิยาห์มานานแล้ว และทุกวันนี้ก็ยังรอคอยอยู่  เพียงแต่ความคิดเกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ของพวกเขาไม่เหมือนกัน  บางคนคิดว่าพระเมสสิยาห์คือผู้ที่นำสันติสุขมาสู่โลก  บางคนคิดว่าคือผู้ที่นำความยุติธรรมมาสู่ชาวยิว  แต่ส่วนใหญ่มักคิดว่าคือผู้สืบเชื้อสายจากกษัตริย์ดาวิดที่จะนำพากองทัพอิสราเอลพิชิตชนชาติอื่น เพื่อนำความยิ่งใหญ่กลับมาสู่ชาวอิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง
    ในสมัยของพระเยซูเจ้า มีทั้งพวกที่รักชาติจริงและพวกที่อยากดังจำนวนมากอ้างตัวเป็นพระเมสสิยาห์ ซึ่งล้วนแล้วแต่ลงเอยด้วยการจลาจลนองเลือดและการสูญเสียชีวิต
    แม้ว่าตำแหน่งพระเมสสิยาห์จะเป็นที่หมายปองของหลายคน  แต่ยอห์นยืนยันหัวเด็ดตีนขาดว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์” (“พระคริสต์” เป็นภาษากรีกซึ่งตรงกับภาษาฮีบรูว่า “พระเมสสิยาห์”)
2.    เอลียาห์  ประกาศมาลาคีทำนายไว้ว่า “ดูเถิด เราจะส่งเอลียาห์ผู้เผยพระวจนะมายังเจ้าก่อนวันแห่งพระเจ้า” (มลค 4:5)
        ชาวยิวจึงเชื่อกันว่าประกาศกเอลียาห์จะกลับมาในโลกเพื่อยุติข้อขัดแย้งต่าง ๆ ก่อนที่พระเมสสิยาห์จะเสด็จมา
        กฎหมายยิวถึงกับกำหนดไว้ว่า “กรรมสิทธิ์ในเงินและสมบัติใดที่ยังตกลงกันไม่ได้  รวมถึงสิ่งของที่พบโดยไม่ทราบเจ้าของ ให้รอจนกว่าเอลียาห์จะกลับมา”
        บางคนถึงกับเชื่อว่าเอลียาห์จะเป็นผู้เจิมพระเมสสิยาห์ให้เป็นกษัตริย์
        แต่ยอห์นปฏิเสธเกียรติอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยการตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์”
    3.    ประกาศก  โมเสสยืนยันกับชาวยิวว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่าน จะทรงบันดาลให้ประกาศกเหมือนท่านเกิดขึ้นสำหรับท่าน จากบรรดาพี่น้องของท่าน ท่านจะต้องเชื่อฟังเขา” (ฉธบ 18:15)
        นี่คือคำสัญญาที่ชาวยิวไม่เคยลืมเลือน  พวกเขาต่างรอคอยประกาศกผู้ยิ่งใหญ่เหนือกว่าบรรดาประกาศกทั้งมวลผู้นี้
        อย่างไรก็ตาม ยอห์นปฏิเสธเสียงแข็งว่าท่านไม่ใช่ประกาศกผู้ยิ่งใหญ่ที่ชาวยิวรอคอย  คำตอบของท่านแสนห้วน “ไม่ใช่”
    แม้ชาวยิวจะคาดหมายว่ายอห์นคือผู้ยิ่งใหญ่ระดับพระเมสสิยาห์ หรือเอลียาห์ หรือแม้แต่ประกาศกที่พระยาเวห์ทรงสัญญาไว้  แต่ยอห์นกลับอ้างคำของประกาศกอิสยาห์ 40:3 เพื่อบอกว่า
    “ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผู้ที่ร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดาร”
    ท่านเป็นเพียง “เสียง” ที่มองไม่เห็น  ส่วนพระเยซูเจ้าเป็น “พระวจนาตถ์” หรือ “พระวาจา” ที่ทุกคนสามารถได้ยินได้ฟังได้
    ยิ่งไปกว่านั้น ท่านบอกว่า “ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา”
    การแก้สายรัดรองเท้าเป็นงานของทาส  พวกรับบีสอนว่า “ศิษย์สามารถทำทุกสิ่งที่เป็นหน้าที่ของคนใช้ให้แก่อาจารย์ของตนได้ เว้นแต่การแก้สายรัดรองเท้า”
    แปลว่ายอห์นยืนยันว่าตัวท่านเอง “ไม่สมควรแม้แต่เป็นทาสของพระเยซูเจ้า”
    ทั้ง ๆ ที่ชาวยิวคาดหวังว่ายอห์นคือผู้ยิ่งใหญ่ที่พวกเขากำลังรอคอยด้วยใจจดจ่อ  แต่ท่านกลับเป็นพยานยืนยันอีกคนหนึ่งว่า พระเยซูเจ้ายิ่งใหญ่จริง ๆ !

    เพื่อจะเตรียมรับเสด็จพระเยซูเจ้าผู้ยิ่งใหญ่  ยอห์นเทศน์สอนว่า “จงทำทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงเถิด” (ข้อ 23)
    ถนนในสมัยก่อนมีลักษณะเป็นทางเท้าหรือทางเกวียน ไม่มีการลาดยางหรือปูพื้นผิวด้วยหิน  เมื่อกษัตริย์หรือเจ้าอาณานิคมจะเสด็จเยี่ยมท้องที่ใด ผู้นำสารของกษัตริย์จะแจ้งกำหนดการและเส้นทางให้ประชาชนทราบล่วงหน้า เพื่อจะได้เตรียมรับเสด็จด้วยการทำถนนให้เรียบ ตรง และเป็นระเบียบ
    อีกไม่กี่วัน พระกุมารเจ้า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ จะเสด็จมาเยี่ยมเรา เราเตรียมต้อนรับพระองค์ถึงไหนแล้ว ?