แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันอังคาร สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมัทธิว (มธ 21:28-32)                                                                                 

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับพวกมหาปุโรหิตและผู้อาวุโสของประชาชนว่า“ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร ชายคนหนึ่งมีบุตรสองคน เขาไปพบบุตรคนแรกพูดว่า ‘ลูกเอ๋ย วันนี้ จงไปทำงานในสวนองุ่นเถิด’ บุตรตอบว่า ‘ลูกไม่อยากไป’ แต่ต่อมาก็เปลี่ยนใจและไปทำงาน พ่อจึงไปพบบุตรคนที่สอง พูดอย่างเดียวกัน บุตรคนที่สองตอบว่า ‘ครับพ่อ’ แต่แล้วก็ไม่ได้ไป สองคนนี้ใครทำตามใจพ่อ” พวกเขาตอบว่า “คนแรก” พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าก่อนท่าน เพราะยอห์นได้มาพบท่าน ชี้หนทางแห่งความชอบธรรม ท่านก็ไม่เชื่อยอห์น ส่วนคนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีเชื่อ แต่ท่านทั้งหลายเห็นดังนี้แล้ว ก็ยังคงไม่เปลี่ยนใจมาเชื่อยอห์น”


มธ 21:28-32  อุปมาเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ไม่เป็นการเพียงพอที่จะพูดถึงความสำคัญของพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยวาจาเท่านั้น แต่พระประสงค์ของพระองค์จะต้องแสดงออกมาในการกระทำของเราด้วย คนที่ชอบธรรมมากกว่าในระหว่างบุตรชายสองคนนี้ ไม่ใช่คนที่พูดแต่เพียงว่าจะทำในสิ่งที่พ่อสั่งเท่านั้น แต่เป็นคนที่แม้ว่าจะปฏิเสธในตอนแรก แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้กลับใจและทำในสิ่งที่พ่อร้องขอให้สำเร็จไป อุปมาเรื่องนี้สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกคนที่ปรารถนาจะปรับปรุงแก้ไขตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศีลแห่งการคืนดีหรือศีลอภัยบาป 

CCC ข้อ 535 พระเยซูเจ้าทรงเริ่มพระชนมชีพเปิดเผยโดยทรงรับพิธีล้างจากยอห์นในแม่น้ำจอร์แดนยอห์น “เทศน์สอนเรื่องพิธีล้างซึ่งแสดงถึงการเป็นทุกข์กลับใจเพื่อจะได้รับการอภัยบาป” (ลก 3:3)คนบาปจำนวนมาก คนเก็บภาษีและทหาร ชาวฟาริสีและสะดูสี และหญิงโสเภณี พากันมารับพิธีล้างจากยอหน์ “เวลานั้น พระเยซูเจ้าก็เสด็จมา” ด้วย ยอหน์รู้สึกลังเลใจแต่พระเยซูเจ้าทรงยืนยันและรับพิธีล้าง แล้วพระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระเยซูเจ้าดุจนกพิราบ และมีเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา” (มธ 3:13-17) เหตุการณ์นี้เป็นการแสดงองค์ของพระเยซูเจ้า (“Epiphania”) ว่าทรงเป็นพระเมสสิยาห์แห่งอิสราเอลและพระบุตรของพระเจ้า

CCC ข้อ 546 พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญให้เข้าในพระอาณาจักรโดยใช้เรื่องอุปมาซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะสำคัญของคำสอนของพระองค์ อาศัยเรื่องอุปมาเหล่านี้ พระองค์ทรงเชิญทุกคนเข้ามาร่วมงานเลี้ยงของพระอาณาจักร แต่ก็ยังทรงเรียกร้องให้ต้องเลือกอย่างเด็ดขาดด้วย เพื่อจะได้พระอาณาจักรนี้จำเป็นต้องสละทุกสิ่ง คำพูดเท่านั้นไม่พอ จำเป็นต้องมีกิจการด้วย เรื่องอุปมาเป็นเสมือนกระจกสำหรับมนุษย์ เขาได้รับพระวาจาเหมือนกับพื้นดินแข็งหรือเหมือนกับดินดี? เขาทำอะไรกับเงินตะลันต์ที่ได้รับมา พระเยซูเจ้าและพระอาณาจักรที่มีอยู่ในโลกนี้ซ่อนอยู่ในความหมายของเรื่องอุปมาเหล่านี้ จำเป็นที่เราต้องเข้าในพระอาณาจักร นั่นคือต้องเป็นศิษย์ของพระคริสตเจ้าเพื่อรู้จัก “ธรรมล้ำลึกเรื่องอาณาจักรสวรรค์” (มธ 13:11) สำหรับผู้ที่อยู่ “ภายนอก” (มก 4:11) ทุกสิ่งเป็นปริศนา

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)