วันอังคาร สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมัทธิว (มธ 18:12-14)                                                                                                      

“ท่านทั้งหลายคิดอย่างไร ถ้าชายคนหนึ่งมีแกะอยู่ร้อยตัว แล้วแกะตัวหนึ่งบังเอิญหลงทาง เขาจะไม่ปล่อยแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้บนภูเขา เพื่อค้นหาแกะตัวที่หลงไปหรือ “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าเขาหาแกะตัวนั้นพบแล้ว เขาจะรู้สึกยินดีที่พบมัน มากกว่ายินดีในแกะเก้าสิบเก้าตัวที่มิได้พลัดหลง “พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ก็เช่นกัน ไม่ทรงปรารถนาให้คนธรรมดาๆ เหล่านี้แม้เพียงผู้เดียวต้องพินาศไป 


มธ 18:10-14  เด็กเล็กๆ: ขณะที่ในบริบทนี้กล่าวอ้างอิงถึงเด็กๆ นั้น วลีนี้สามารถขยายความรวมไปถึงผู้ที่ไร้เดียงสาหรือผู้ที่เปราะบางด้วย (“พี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเรา” มธ 25:40)   ทูตสวรรค์ของพวกเขา: ในที่นี้พระเยซูเจ้าตรัสถึงบรรดาอารักขเทวดา ผู้ดูแลมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย นักบุญบาซิลสอนไว้ว่า “ผู้มีความเชื่อแต่ละคนจะมีทูตสวรรค์คอยอยู่เคียงข้าง เป็นผู้ปกครองดูแล และนายชุมพาบาลที่นำสู่ชีวิต” (Adv. Eunominum III, I: PG 29, 656B) เหตุว่าทูตสวรรค์ของแต่ละคนนั้นยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดา ในความหมายนี้ บรรดาผู้มีความเชื่อจึงร่วมส่วนอยู่กับบรรดาทูตสวรรค์และนักบุญในสวรรค์ด้วยเช่นกัน

CCC ข้อ 328 การมีอยู่ของสิ่งที่เป็นจิต ไม่มีร่างกาย ที่พระคัมภีร์มักจะเรียกว่า “ทูตสวรรค์” นั้นเป็นความจริงของข้อความเชื่อ เรื่องนี้ปรากฏชัดจากการยืนยันของพระคัมภีร์และความเห็นเป็นหนึ่งเดียวกันของธรรมประเพณี

CCC ข้อ 329 นักบุญออกัสตินกล่าวไว้ว่า “‘ทูตสวรรค์’ [….] เป็นนามบอกหน้าที่ ไม่ใช่นามที่บอกถึงธรรมชาติ ถ้าใครถามนามของธรรมชาตินี้ คำตอบก็คือ ทูตสวรรค์เป็น “จิต” แต่ถ้าถามว่าจิตนี้มีหน้าที่ ทำอะไร คำตอบก็คือ “เป็นทูต (สวรรค์)” หรือ “ผู้ถือสาร” จากความเป็นอยู่ทั้งหมดของตน บรรดาทูตสวรรค์เป็นผู้รับใช้และผู้ถือสารของพระเจ้า เนื่องจากว่าบรรดาทูตสวรรค์เหล่านี้ “เฝ้าชมพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์” (มธ 18:10) “พร้อมสรรพที่จะฟังเสียงพระบัญชา” (สดด 103:20)

CCC ข้อ 336 ชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่เกิด จนตาย อยู่ในความอารักขาของบรรดาทูตสวรรค์ และมีบรรดาทูตสวรรค์คอยวอนขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า “ไม่มีผู้ใดปฏิเสธว่าผู้มีความเชื่อแต่ละคนมีทูตสวรรค์เป็นผู้คอยแนะนำดูแลและนำชีวิต” ตั้งแต่ในโลกนี้แล้ว ชีวิตคริสตชนมีส่วนในมิตรภาพที่บรรดาทูตสวรรค์และมนุษย์มีร่วมกันกับพระเจ้าอาศัยความเชื่อ


มธ 18:10   ผู้นิพนธ์พระวรสารฉบับอื่น ได้เพิ่มเติมอีกว่า  “เพราะว่าบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาเพื่อช่วยผู้ที่เสียไปให้รอดพ้น”


มธ 18:14  พระเจ้าพระบิดาทรงปรารถนาให้มนุษย์ทุกคนได้รับความรอดพ้นและมีความสุขในชีวิตนิรันดร จะไม่มีผู้ใดเลยถูกแยกออกไปจากความรักอันไม่มีขอบเขตของพระองค์ 

CCC ข้อ 605 ความรักนี้ไม่มีข้อยกเว้น ตอนปลายของเรื่องอุปมาเรื่องแกะที่หลงไปนั้น พระองค์ตรัสว่า“พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ก็เช่นเดียวกัน ไม่ทรงปรารถนาให้คนธรรมดาๆ เหล่านี้แม้เพียงผู้เดียวต้องพินาศไป” (มธ 18:24) พระองค์ทรงยํ้าอีกว่าพระองค์ “ทรงมอบชีวิตของพระองค์เป็นสินไถ่เพื่อมนุษย์ทั้งหลาย” (มธ 20:28) วลีสุดท้ายซึ่งตามตัวอักษรแปลว่า “เพื่อคนจำนวนมาก” มิได้มีความหมายจำกัด แต่เป็นการรวมมนุษยชาติไว้เป็นบุคคลเดียวตรงกันข้ามกับพระผู้ไถ่ซึ่งมอบพระองค์เพื่อช่วยบุคคลนี้ให้รอดพ้น พระศาสนจักรก็ปฏิบัติตามบรรดาอัครสาวก สอนว่าพระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อมนุษย์ทุกคนโดยไม่ยกเว้น “ไม่ได้มี และจะไม่มีมนุษย์คนใด ที่พระคริสตเจ้ามิได้ทรงรับทรมานเพื่อเขา”

CCC ข้อ 2822 พระประสงค์ของพระบิดาของเราก็คือ “ให้ทุกคนได้รับความรอดพ้นและรู้ความจริงที่สมบูรณ์” (1 ทธ 2:4) พระองค์ “ทรงอดกลั้น […] ไม่ทรงประสงค์ให้ผู้ใดต้องพินาศ” (2 ปต 3:9) พระบัญชาของพระองค์ซึ่งสรุปรวมพระบัญชาอื่นๆ ทั้งหมดและแสดงถึงพระประสงค์ทั้งหมดของพระองค์ก็คือให้เรารักกันเหมือนกับที่พระองค์ทรงรักเรา

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)