แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ข้อคิดข้อรำพึง

อาทิตย์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา ปี B

28th Sunday 3

“ยากจริงหนอที่คนมั่งมีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า”

 กาลครั้งหนึ่ง มีคนสองคนกำลังยืนอยู่ที่ประตูสวรรค์ คนหนึ่งเป็นคนจน อีกคนหนึ่งเป็นคนรวย เมื่อนักบุญเปโตรเปิดประตูสวรรค์ ท่านได้พูดกับคนรวยว่า “เข้ามา เข้ามาได้เลย” และเมื่อคนรวยก้าวเข้าไปข้างใน ทุกคนที่อยู่ในสวรรค์พากันปรบมือต้อนรับ และโห่ร้องอย่างยินดีด้วยเพลง “โฮซันนา”

 

 และเมื่อเสียงเหล่านั้นสงบลงแล้ว นักบุญเปโตรกลับมาที่ประตูสวรรค์อีกครั้งหนึ่ง พบว่าคนจนกำลังยืนอยู่ด้วยหน้าตาที่เศร้าสร้อย จึงถามว่า “ทำไมทำหน้าเศร้าอย่างนั้นล่ะ” คนจนตอบว่า “ฉันรู้ว่าในโลกนั้นมีการเลือกปฏิบัติต่อคนจน แต่ไม่นึกเลยว่าจะมีการเลือกปฏิบัติเช่นนี้ในสวรรค์ด้วย”

 

 นักบุญเปโตรจึงเข้าใจทันทีถึงสาเหตุที่ทำให้คนนั้นรู้สึกเศร้า จึงพูดอธิบายว่า  “จงให้อภัยพวกเราเถิด เราแสดงความยินดีมากไปกับคนรวยที่เพิ่งเข้าสู่สวรรค์ ก็เพราะว่านานๆ ครั้งที่จะมีคนรวยเข้าสวรรค์ได้” (จากหนังสือ With Eyes Fixed on Jesus; Cycle B, John Chambers, S.J.)

 

 พระวรสารสำหรับอาทิตย์นี้ประกอบไปด้วย 3 ส่วนด้วยกัน

 (1) ชายหนุ่มคนหนึ่งมาเฝ้าพระเยซูเจ้าเพื่อทูลถามว่าทำอย่างไรจึงจะได้ชีวิตนิรันดร แต่เขาเองกลับไม่เต็มใจจะขายทุกสิ่งเพื่อติดตามพระเยซูเจ้า

 (2) พระเยซูเจ้าได้ตรัสเรื่องอันตรายของการเป็นคนมั่งมี

 (3) พระเยซูเจ้าทรงประกาศรางวัลสำหรับผู้ที่สละละทุกสิ่ง

28th Sunday 1

 ในข้อแรกเลยพูดถึงชายหนุ่มคนหนึ่งเข้าไปหาพระเยซูเจ้า ถ้าเราพิจารณาดูในเนื้อเรื่องแล้ว น่าจะเป็นชายวัยกลางคน ลักษณะนิสัยเป็นคนจริงใจ แต่ค่อนข้างประจบเล็กน้อย เขาเรียกพระองค์ว่า “พระอาจารย์ผู้ทรงความดี” ซึ่งไม่ค่อยมีใครใช้คำนี้ เนื่องจากพวกเขายังไม่รู้ว่าพระเยซูเจ้า เป็นพระเมสสิยาห์ และคำว่า “ทรงความดี” เป็นคำที่เหมาะกับใช้เกี่ยวกับพระเจ้า พระคริสต์จึงทรงถามกลับไปว่า “ทำไมเรียกเราว่าผู้ทรงความดี ไม่มีใครทรงความดีนอกจากพระเจ้าเท่านั้น” ทรงถามดังนี้เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปว่าพระองค์ทรงเป็นใคร

 

 ทรงตอบคำถามด้วยการให้เขาถือตามบทบัญญัติต่างๆ ซึ่งชายคนนั้นก็ตอบอย่างมั่นใจ และไม่ได้แสดงถึงความเย่อหยิ่ง ว่าบัญญัติต่างๆ นั้นถือมาตั้งแต่เด็กแล้ว

 

 พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเขาด้วยพระทัยเอ็นดู (เฉพาะนักบุญมาระโกที่บันทึกคำนี้ไว้) และตรัสว่ายังขาดสิ่งหนึ่ง คือจงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน แล้วจงติดตามพระองค์ไป แต่ชายคนนั้นตีหน้าเศร้าเดินจากไป เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้

 

 นี่จึงนำเข้ามาสู่หัวข้อที่สอง เรื่องเป็นการยากที่คนมั่งมีจะเข้าในพระอาณาจักรของพระเจ้า  “อูฐจะลอดรูเข็มยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” หลายๆคนพยายามทำให้ข้อความในวลีนี้ฟังดูง่ายขึ้น  เช่นคำว่า “รูเข็ม” อธิบายว่าเป็นประตูเล็กที่อยู่ด้านข้างๆ ประตูใหญ่ หรือใช้คำว่า “เชือกเส้นใหญ่” แทนที่อูฐ  แต่จะอย่างไรก็ตามก็มีความหมายชัดๆ ว่า  “ยากมาก”  ทั้งนี้สานุศิษย์ก็เข้าใจ แต่อดประหลาดใจไม่ได้  จึงถามว่า  "ดังนี้ ใครจะรอดพ้นได้"  พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “สำหรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าเป็นเช่นนั้นได้” กล่าวอย่างสรุปในหัวข้อนี้คือ จริงๆ แล้วไม่มีมนุษย์คนไหนที่เป็นคนร่ำรวยที่แท้จริง เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าต่างหากที่ประทานพรของพระองค์ให้กับทุกๆ คน ให้ไว้ไม่ใช่เพื่อรักษาความรวยของตนไว้เพื่อตนเองและกันคนอื่นออกไป  แต่เพื่อแจกจ่ายความร่ำรวยออกไปสู่ผู้อื่น

 

 ส่วนเรื่องสุดท้ายคือเรื่องรางวัลแห่งการเสียสละทุกสิ่งเพื่อพระองค์  นี่เป็นคำถามที่ดีมากของนักบุญเปโตรว่าถ้าสละทุกสิ่งจะได้อะไรตอบแทน  น่าสังเกตว่าในพระวรสารบอกรายชื่อที่จะละทิ้ง  เช่น บ้านช่อง พี่น้อง บิดามารดา บุตร และไร่นา  แต่ไม่พูดเรื่อง ละภรรยา เป็นไปได้หรือไม่ว่าเพราะนักบุญเปโตรได้พาภรรยาไปด้วยในการไปประกาศข่าวดีในภายหลัง (เทียบ 1คร 9 : 5 นักบุญเปาโลกล่าวถึงอัครสาวกที่แต่งงานแล้ว เช่น เปโตร คงมีภรรยาติดตามช่วยดูแลความต้องการส่วนตัว)

 

        พระคริสตเจ้าทรงตอบคำถามนี้ว่า คนเหล่านี้จะได้รับการตอบแทนเป็นร้อยเท่าตั้งแต่ในโลกนี้ นักบุญมาระโกอาจมีความคิดนี้ว่า ผู้ที่เข้ามาเป็นคริสตชน จะพบว่า ทุกคนเป็นพี่น้องชายหญิงของเรา เป็นลูกๆ ของเรา และเรามีบ้านทุกหนทุกแห่ง (จากหนังสือ Speak, Lord!, Year B. – Fr.Herman Mueller, SVD.)

 

(คุณพ่อ วิชา  หิรัญญการ เขียนลงสารวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2012)

28th Sunday 228th Sunday 4