แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ข้อคิดข้อรำพึง

อาทิตย์ที่ 12  เทศกาลธรรมดา ปี B

คลื่นสึนามิที่อยู่ภายในตัวเรา (Tsunami  Within)

12th Sunday 2

รอสซีนี (Rossini)  เป็นนักประพันธ์เพลงที่มีชื่อเสียงชาวอิตาเลียน  ในโอกาสหนึ่งเขาได้รับนาฬิกาที่สวยงามมากจากกษัตริย์แห่งประเทศฝรั่งเศส  รอสซินีภาคภูมิใจในนาฬิกานี้เป็นอย่างมาก  เพราะเป็นของขวัญจากราชสำนัก  อีกสองสามปีต่อมาเขาได้นำมาอวดกับเพื่อนคนหนึ่งของเขา  เพื่อนคนนี้กลับตั้งข้อสังเกตว่า  แม้รอสซินีจะได้รับนาฬิกานี้มาเป็นปีๆแล้ว  แต่กลับไม่รู้คุณค่าที่แท้จริงของมัน  รอสซินีกล่าวว่า  "เป็นไปไม่ได้"  เพื่อนจึงบอกว่า  "ส่งนาฬิกานั่นมาให้ฉันหน่อยสิ"  เมื่อได้รับมาแล้ว  เขาดึงสลักเล็กๆ อันหนึ่งที่ซ่อนอยู่  ปรากฏว่า  มีกล่องที่อยู่ด้านในเปิดตัวออก  แสดงให้เห็นรูปวาดเล็กๆ ของรอสซินีเอง  ซึ่งเจ้าตัวไม่เคยรู้มาก่อนเลย

ก่อนหน้านี้คนไทยอาจจะไม่ค่อยรู้จักคลื่นสึนามิ (tsunami) มากเท่าไร  แต่เมื่อเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดียเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547)  ก็ทำให้คนไทยได้รู้จักและตระหนักถึงความรุนแรงของคลื่นสูงที่ทำลายล้างบริเวณชายฝั่งอันดามันทางภาคใต้ของเมืองไทย  ซึ่งก่อผลกระทบหลายจังหวัดทางใต้ของไทยที่อยู่ทางชายฝั่งตะวันตก  และจริงๆก็รวมไปถึงพื้นที่ชายฝั่งในบริเวณเดียวกันที่เป็นของประเทศอื่นๆด้วย  ในครั้งนั้นมีคนตายไปถึง 227,898 คน  เหตุการณ์นี้ทำให้เราตระหนักถึงอำนาจทำลายล้างที่น่าเกรงกลัวของน้ำ  

12th Sunday 1

หรือถ้าเราเปิดรายการทีวีดูช่อง Discovery   ช่อง National Geographic  หรือช่อง Animal Planet  ต่างก็แสดงให้เราเห็นความมหัศจรรย์มากมายของชีวิตใต้ท้องทะเล  ดังนั้น ทะเลจึงเป็นทั้งความสงบราบรื่น และความน่ากลัว  ยังเชื่อกันว่า สัตว์ประหลาดในตำนานโบราณ อาศัยอยู่ในทะเล

 

ในบทอ่านแรกของอาทิตย์นี้มาจากหนังสือโยบ  องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบโยบจากลมพายุว่า  "ผู้ใดปิดประตูขังทะเลไว้.... เจ้ามาได้ไกลแค่นี้  อย่าไปอีกเลย  คลื่นคะนองของเจ้าจะหยุดเพียงแค่นี้"  คำตรัสนี้ทำให้โยบต้องนิ่งงัน  และตกตะลึง  ส่วนในพระวรสารได้เล่าเรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงทำให้พายุแรงกล้าในทะเลเงียบสงบลง  ทำให้บรรดาศิษย์ของพระองค์แปลกใจ  และถามกันว่า  "ท่านผู้นี้เป็นใครหนอ  ลมและทะเลจึงยอมเชื่อฟังเช่นนี้"  ทั้งสองเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ที่เล่ามานี้  แสดงให้เห็นถึงอำนาจและพลานุภาพขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงมีเหนืออำนาจของน้ำ  องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำระบบระเบียบกลับคืนมาจากความอลหม่าน

 

ที่น่าสนใจคือทั้งพระเยซูเจ้าและบรรดาศิษย์ต่างก็ตกอยู่สถานการณ์เดียวกัน  คือมีพายุแรงกล้า  และคลื่นซัดปั่นป่วน  แต่พระเยซูเจ้าบรรทมหลับหนุนหมอนอยู่ที่ท้ายเรือ  ในขณะที่บรรดาศิษย์ต่างกระสับกระส่ายและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว  ทำไมเหตุการณ์เดียวกันแท้ๆ  กลับมีการตอบสนองสองแบบที่ตรงข้ามกัน  ทั้งนี้เพราะสำหรับพระเยซูเจ้าแล้ว  พระองค์ทรงมอบความวางใจในพลังอำนาจของพระบิดาของพระองค์ที่อยู่เหนืออำนาจของน้ำและคลื่นลม  ดังนั้น พระองค์ก็ทรงสามารถที่จะผ่อนคลายและบรรทมได้  แม้อยู่ท่ามกลางคลื่นที่ปั่นป่วน  ส่วนบรรดาศิษย์นั้นมีแต่ความกระสับกระส่ายและวุ่นวายใจเป็นคำตอบ  สาเหตุที่พวกเขาได้ตอบสนองแบบลบเช่นนี้  เราพบคำตอบได้จากคำถามของพระเยซูเจ้าที่ว่า  "ตกใจกลัวเช่นนี้ทำไม  ท่านยังไม่มีความเชื่อหรือ"  สรุปคือ  พระเยซูเจ้าทรงมีความเชื่อ  แต่บรรดาศิษย์ไม่ได้มีความเชื่อ  ดังนั้นปฏิกริยาตอบสนองของพวกเขาจึงตรงข้ามกับของพระเยซูเจ้า

 

ลมพายุแรงกล้านี้เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตเราบนโลกนี้  นานๆครั้งเราจะชื่นชมยินดีกับสันติสุขและความสงบสุข  แต่บ่อยๆ เราจะพบกับความไม่ราบรื่น  พบกับพายุและความไม่สงบสุขในทุกๆช่วงของชีวิตเรา  ซึ่งเปรียบเสมือนการก่อเป็นคลื่นสึนามิอยู่ในตัวเรา  ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านการเงิน  ความเจ็บป่วย  การทรยศ  ความไม่ซื่อสัตย์จากคนที่เราไว้วางใจ  การจากไปของคนที่เรารัก  การไม่เข้าใจกัน  หรือความเข้าใจผิด ฯลฯ  สิ่งต่างๆเหล่านี้อาจเข้ามาในชีวิตของเรา  และบ่อยครั้งทำให้เราตกอยู่ในสถานการณ์ที่หมดหวัง  และช่วยอะไรไม่ได้

12th Sunday 3

พระวาจาของพระเจ้าในอาทิตย์นี้ได้ให้หลักประกันกับเราว่า  องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่กับเรา  และจะทรงทำทุกอย่างเพื่อเราในแต่ละเหตุการณ์และทุกๆ สถานการณ์  เพราะพระองค์ทรงเป็นนายเหนือเหตุการณ์ทุกอย่าง  ดังนั้น  จงมีความเชื่อในพระองค์  ในบทสดุดีของวันนี้ก็โน้มน้าวให้เราไว้วางใจในพระองค์  แล้วเราก็จะสามารถเผชิญหน้ากับทุกเหตุการณ์ด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์  "เมื่อเขาร้องหาองค์พระผู้เป็นเจ้า  พระองค์ก็ทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากความคับแค้น  พระองค์ทรงทำให้พายุสงบกลายเป็นลมอ่อน  ทรงทำให้คลื่นเงียบเสียง"  (สดด 107 : 28-29)

 

นักบุญเทเรซา  แห่งพระกุมารเยซู  รู้ดีว่าลำพังพละกำลังและความพยายามของตัวเอง  ย่อมไม่มีวันเอื้อมไปถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่งได้เลย  ดังนั้นเธอจึงถ่อมตนลงไปเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ เธอกล่าวว่า  "เมื่อพระบิดาเจ้าสวรรค์ได้ทรงแลเห็นเธอที่อยู่ในความเดือดร้อนและดิ้นรนต่อสู้  พระองค์จะทรงช่วยยกเธอขึ้นมาด้วยพระหัตถ์ของพระองค์  และจะทรงนำพาเธอไปสู่จุดหมายปลายทาง  ดังนั้น เธอจึงนำเสนอทุกๆคนให้ติดตาม  "หนทางน้อยๆ" (little way) แห่งชีวิตจิตแบบวัยเด็ก (childhood  spirituarity)

 

ขอจบด้วยคำพูดของนักบุญเทเรซา องค์ใหญ่  ท่านได้เขียนไว้ดังนี้ :

"อย่าให้มีสิ่งใดรบกวนคุณ

อย่าให้มีสิ่งใดทำให้คุณตกใจ

ทุกสิ่งล้วนผ่านพ้นไป

องค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียวผู้ไม่เปลี่ยนแปลง

ความอดทนจะชนะทุกสิ่ง

เมื่อมีองค์พระผู้เป็นเจ้า  เราย่อมไม่ขาดแคลนสิ่งใด"

  (นักบุญเทเรซา  แห่งอาวีลา)

 

(คุณพ่อวิชา  หิรัญญการ  เขียนเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 2021

Based on : New Horizon Homilies ; by Philip John, SSP. ; Premdas. SSP.)

12th Sunday 412th Sunday 512th Sunday 6