วันพฤหัสบดีสัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมัทธิว (มธ 7:7-12)   

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะประตูเถิด แล้วเขาจะเปิดประตูรับท่าน เพราะคนที่ขอย่อมได้รับ คนที่แสวงหาย่อมพบ คนที่เคาะประตูย่อมมีผู้เปิดประตูให้ ท่านใดที่ลูกขออาหารแล้ว จะให้ก้อนหิน ถ้าลูกขอปลาท่านจะให้งูหรือ แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่ว ยังรู้จักให้ของดีๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานของดีๆ แก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ

ท่านอยากให้เขาทำกับท่านอย่างไร ก็จงทำกับเขาอย่างนั้นเถิด นี่คือธรรมบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศก”


มธ 7:11 เราซึ่งเป็นบุตรธิดาของพระเจ้า สามารถสวดภาวนาด้วยความเชื่อและความไว้วางใจว่าพระบิดาจะตอบรับคำภาวนาของเรา พระเจ้าทรงทราบถึงความต้องการของเราก่อนที่เราจะภาวนาเสียอีก ถ้ามีสิ่งที่เราวอนขอแล้วยังไม่ได้รับ ให้เราไว้วางใจเถิดว่า พระเจ้าจะทรงประทานสิ่งที่เป็นผลดีมากกว่าให้แก่เราสำหรับความรอดพ้น

CCC ข้อ 2609 ใจที่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ย่อมเรียนรู้ที่จะอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อ ความเชื่อเป็นการที่เราเข้าหาพระเจ้าเหมือนกับบุตรมากกว่าที่เรารู้สึกและเข้าใจ การทำเช่นนี้เป็นไปได้เพราะพระบุตรทรงเปิดทางให้เราเข้าหาพระบิดาได้ พระองค์ทรงขอจากเราได้ ให้เรา “แสวงหา” และ “เคาะประตู” เพราะพระองค์ทรงเป็นประตูและหนทาง

CCC ข้อ 2736 เราเชื่อมั่นหรือเปล่าว่า “เราไม่รู้ว่าเราควรจะต้องอธิษฐานภาวนาขอสิ่งใด” (รม 8:26) เราวอนขอพระเจ้าให้ประทาน “สิ่งที่ดีสำหรับเรา” หรือเปล่า? เพราะพระบิดาทรงทราบแล้วว่าเราต้องการสิ่งใดก่อนที่เราจะขอจากพระองค์เสียอีก แต่พระองค์ทรงคอยให้เราวอนขอ เพราะศักดิ์ศรีการเป็นบุตรของพระองค์อยู่ในความเป็นอิสระเสรีของเขา ดังนั้น เราจึงต้องอธิษฐานภาวนาพร้อมกับพระจิตแห่งอิสรภาพของพระองค์ เพื่อเราจะได้รู้พระประสงค์แท้จริงของพระองค์


มธ 7:12 เรียกว่า “กฎปฏิบัติ” (Golden Rule) แนวคิดนี้คือส่วนหนึ่งของกฎธรรมชาติ และยังเป็นมาตรฐานทางจริยธรรมสากล เป็นผลที่ตามมาโดยธรรมชาติของสองบทบัญญัติที่ยิ่งใหญ่ คือ จงรักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์ (มธ 5:17-48) และเป็นการก้าวเข้าสู่บัญญัติใหม่ “ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน” (ยน 15:12)

  CCC ข้อ 1789 ในทุกกรณีเหล่านี้จึงต้องใช้กฎบางประการ คือ

- ต้องไม่มีวันอนุญาตให้ทำชั่วเพื่อจะได้ผลดีจากการนั้น

- “กฎทางปฏิบัติ” ก็คือ “ท่านอยากให้เขาทำกับท่านอย่างไร ก็จงทำกับเขาอย่างนั้นเถิด” (มธ 7:12)56

- ความรักต้องคำนึงถึงเพื่อนพี่น้องและมโนธรรมของเขาเสมอ “ถ้าท่านทำบาปต่อพี่น้องและ ทำร้ายมโนธรรมที่อ่อนไหวของเขา ท่านก็ย่อมทำบาปต่อพระคริสตเจ้า” (1 คร 8:12)

“เป็นการดีที่จะงด [...] [ทำ]ทุกสิ่งที่เป็นเหตุทำให้พี่น้องของท่านไม่สบายใจ” (รม 14:21)

  CCC ข้อ 1968 กฎแห่งพระวรสารทำให้ธรรมบัญญัติสมบูรณ์คำเทศน์สอนขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ลบล้างข้อกำหนดเกี่ยวกับความประพฤติของธรรมบัญญัติดั้งเดิม และไม่ได้ทำให้ข้อกำหนดเหล่านี้ลดค่าลงเลย แต่ทำให้พลังที่ซ่อนเร้นอยู่ของข้อกำหนดเหล่านี้ปรากฏชัดเจนขึ้นและทำให้เกิดข้อเรียกร้องใหม่ๆ จากข้อกำหนดเหล่านี้ เปิดเผยความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับพระเจ้าและมนุษย์ของข้อกำหนดเหล่านี้ กฎแห่งพระวรสารไม่เพิ่มข้อกำหนดใหม่ภายนอก และก้าวหน้าเข้าไปปรับปรุงจิตใจซึ่งเป็นรากของการกระทำต่างๆ เมื่อมนุษย์ไม่ยอมรับสิ่งที่มีมลทินเลือกสิ่งบริสุทธิ์ ที่ก่อให้เกิดความเชื่อ ความหวังและความรัก และคุณธรรมประการอื่นๆ พร้อมกับคุณธรรมเหล่านี้ด้วย พระวรสารจึงนำธรรมบัญญัติให้บรรลุถึงความบริบูรณ์โดยเอาอย่างความดีบริบูรณ์ของพระบิดาเจ้าสวรรค์โดยยกโทษให้ศัตรูและอธิษฐานภาวนาใหผู้ที่เบียดเบียน ตามแบบฉบับพระทัยกว้างของพระเจ้า

  CCC ข้อ 1970 กฎแห่งพระวรสารเรียกร้องให้มีการเลือกระหว่าง “ทางสองแพร่ง” และให้นำพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปฏิบัติ ทั้งหมดนี้รวมกันเรียกว่า “กฎปฏิบัติ” (Golden Rule) ที่สรุปได้ดังนี้ “ท่านอยากให้เขาทำกับท่านอย่างไร ก็จงทำกับเขาอย่างนั้นเถิด นี่คือธรรมบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศก” (มธ 7:12) กฎแห่งพระวรสารทั้งหมดรวมอยู่ในบัญญัติใหม่ของพระเยซูเจ้าที่สั่งให้เรารักกันเหมือนกับที่พระองค์ทรงรักเรา

  CCC ข้อ 2510 กฎปฏิบัติในกรณีเฉพาะช่วยให้เราตัดสินว่าควรจะเปิดเผยความจริงแก่ผู้ที่ขอให้ทำเช่นนั้นหรือไม่

  CCC ข้อ 2821 คำวอนขอนี้ได้รับการสนับสนุนจากการอธิษฐานภาวนาของพระเยซูเจ้าและพระเจ้าทรงฟังในการอธิษฐานภาวนาของพระคริสตเจ้าที่มีอยู่และเกิดผลในพิธีบูชาขอบพระคุณ และบังเกิดผลในชีวิตใหม่ตามคำสอนเรื่องความสุขแท้จริง

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)