ข้อคิดข้อรำพึง

สัปดาห์ที่ 32  เทศกาลธรรมดาปี A

เมื่อประมาณ 1900 ปีที่ผ่านมา  ภูเขาไฟวิสุเวียส (Mt Vesuvius) ปะทุเถ้าลาวาออกมาในประเทศอิตาลี  เมื่อการระเบิดของภูเขาไฟนี้ยุติลง  เมืองปอมเปอี (Pompeii) ทั้งเมืองจมอยู่ใต้เถ้าถ่านภูเขาไฟลึกลงไปถึงสิบแปดฟุต

เมืองยังคงจมอยู่สภาพนั้นเรื่อยมาจนถึงยุคสมัยใหม่  เมื่อนักโบราณคดีขุดพบมัน  และสิ่งที่พวกเขาได้พบสร้างความฉงนใจให้กับทุกๆคน  เพราะมีการพบก้อนขนมปังต่างๆ ที่เป็นเถ้าคาร์บอน  ผลไม้ต่างๆที่ยังคงรักษารสเอาไว้  และพวกผลมะกอกที่ยังคงรักษาน้ำมันของตนไว้ได้

แต่มีการค้นพบที่อัศจรรย์มากไปกว่านั้น  คือเถ้าของภูเขาไฟได้แช่แข็งผู้คนไว้ในท่วงท่าและตำแหน่งที่อยู่ในขณะที่ประสบหายนะนั้น  ร่างกายของผู้คนเหล่านั้นสลายตัวลงไปก็จริง  แต่ก็เหลือช่องว่างไว้เบื้องหลังในซากเถ้าถ่านที่แน่นหนานั้น  เมื่อผู้เชี่ยวชาญเทน้ำยาปูนปาสเตอร์เข้าไปในช่องว่างเหล่านั้น  พวกเขาก็สามารถแยกแยะรูปพรรณสัณฐานของผู้ตกเป็นเหยื่อได้  บางรูปพรรณก็ให้ความรู้สึกที่หลากหลายอารมณ์  เช่น  หนึ่งในนั้นพบแม่ที่อายุยังน้อยกอดลูกของเธอไว้แน่นในวงแขน  อีกรูปหนึ่งเป็นทหารองครักษ์โรมันที่ยืนตัวตรงอยู่ตรงที่ประจำการ  ถืออาวุธครบมือ  เขายังคงสงบและซื่อสัตย์ในหน้าที่จนวาระสุดท้าย  และตัวอย่างที่สามพบว่ามีชายคนหนึ่งยืนตรงพร้อมมีดาบอยู่ในมือ  ที่เท้าของเขามีกองเงินและกองทองตั้งอยู่  และที่กระจายออกไปรอบๆมีร่างของอีก 5 คน  บางทีอาจจะเป็นพวกที่เข้ามาชิงทรัพย์  แต่ถูกฆ่าตายเสียก่อน

ภาพลักษณะของผู้คนและเรื่องราวต่างๆที่ได้จากการเทปูนปลาสเตอร์ลงไปในช่องว่างนี้สะท้อนภาพอันน่ารันทดซึ่งเป็นสองหัวข้อหลักของพระวาจาพระเจ้าสำหรับอาทิตย์นี้  หัวข้อแรก คือ  การมาถึงแบบฉับพลันทันที(the suddenness) ซึ่งหมายถึงการสิ้นสุดของโลกนี้  และการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูเจ้าซึ่งจะเข้ามาแทนที่  เหตุการณ์ทั้งสองนี้จะมาโดยปราศจากการเตือน  "..... วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาถึงเหมือนขโมยที่มาตอนกลางคืน" (1 ธส 5:2)  ไม่มีความดีความชอบใดๆจะมาตั้งเงื่อนไขเรียกร้องได้    ไม่สนใจว่าคุณจะรวยหรือจน  คุณจะยังเป็นเด็กหรือแก่  คุณจะมีชื่อเสียงหรือไม่มีคนรู้จัก  จะเป็นผิวขาว หรือดำ หรือน้ำตาล  เวลาแบบฉับพลันทันทีนั้นจะมาถึงทุกๆคน

และนี่จะนำเราไปสู่หัวข้อที่สองของบทอ่านในวันนี้  ก็คือ  การเตรียมพร้อมของเราสำหรับเวลาสุดท้าย  เมื่อความตายมาถึงเรา  จะพบว่าเราได้เตรียมตัวในห้วงเวลาสุดท้ายอย่างหญิงฉลาดห้าคนนั้นหรือไม่  หรือจะพบว่าเราปราศจากการเตรียมตัวใดๆ เหมือนหญิงโง่ห้าคนนั้น  หรือเราจะได้ยินคำตอบที่น่ากลัวเหมือนพวกเขาที่ไปเคาะประตูแล้วได้ยินเสียงตอบออกมาว่า  "เราไม่รู้จักท่าน"  หรือในเวลาสุดท้ายจะพบว่าเราเป็นเหมือนชายคนที่มือถือดาบแห่งเมืองปอมเปอี  ที่กำลังยืนอยู่บนกองเงิน  กองทอง  ที่ไร้ประโยชน์  หรือจะพบเราว่าเหมือนแม่ที่โอบกอดลูกน้อยไว้ด้วยกิริยาแห่งความรักในห้วงเวลาสุดท้าย  หรือจะพบเราเป็นเหมือนนายทหารที่ยังคงค้างอยู่ในท่าทีแสดงถึงความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่

ดังนั้นสองหัวข้อที่พระวาจาของพระสอนเราในวันนี้   - เวลาสุดท้ายที่จะมาถึงโดยฉับพลัน  และการเตรียมตัวของเราเองในเวลาสุดท้ายนั้น -   ก็เป็นหัวข้อที่เตือนสติเรา  เป็นหัวข้อที่ทำให้เราฮึกเหิม  เป็นหัวข้อที่สามารถเปลี่ยนชีวิตของเราได้  จึงไม่ใช่เป็นหัวข้อที่เราใช้เป็นทางเลือก  ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เราปิดหูไม่รับฟัง  เพราะสองหัวข้อนี้รวมพลังเข้าด้วยกันเหมือนดาบสองคม  ที่เราพบข้อความในจดหมายถึงชาวฮีบรูเขียนเอาไว้  "พระวาจาของพระเจ้าเป็น.....  คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ  แทงทะลุเข้าไปถึงจุดที่วิญญาณ  และจิตใจแยกจากกัน  ถึงเส้นเอ็นและไขกระดูก  วินิจฉัยความรู้สึกนึกคิดภายในใจได้  จึงไม่มีสรรพสิ่งใดๆซ่อนเร้นไว้เฉพาะพระพักตร์  แต่ทุกสิ่งเปิดเผยอย่างชัดเจนต่อสายพระเนตรของพระผู้ซึ่งเราต้องทูลถวายรายงาน" (ฮบ 4:12-13)

สองข้อสำคัญของวันนี้   - ความฉับพลันทันที  และการเตรียมพร้อม -   เป็นหัวข้อที่เหมาะที่พระศาสนจักรตั้งไว้ในช่วงท้ายๆ ก่อนจะจบปีพิธีกรรม  และเป็นสองหัวข้อเดียวกันนี้  ที่พระเยซูเจ้าทรงตั้งไว้สำหรับบรรดาอัครสาวกในช่วงบั้นปลายพระชนมชีพของพระองค์

ถ้าเราพิจารณาตนเองแล้วเห็นว่าเป็นพวกของหญิงโง่มากกว่า  ก็อย่าหมดกำลังใจ  เพราะยังมีเวลาที่จะแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้  แล้วถ้าหากว่าเราเป็นพรรคพวกเดียวกับหญิงฉลาดอยู่แล้ว  จงขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระหรรษทานต่างๆ  และปรีชาญาณที่ทำให้เราเฝ้าติดตามพระวาจาของพระองค์เสมอมา

 

(คุณพ่อ วิชา  หิรัญญการ  แปลและเรียบเรียงใหม่เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020

Based on : Illustrated Sunday Homilies - Year A ; by Mark Link, SJ)

Servant 1Servant 2Servant 3Servant 4Servant 5Servant 6Servant 7