แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2015 สัปดาห์ที่สามสิบเอ็ด เทศกาลธรรมดา

ลก 16:1-8…
1พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “เศรษฐีผู้หนึ่งมีผู้จัดการดูแลผลประโยชน์คนหนึ่ง มีผู้มาฟ้องว่าผู้จัดการคนนี้ผลาญทรัพย์สินของนาย 2เศรษฐีจึงเรียกผู้จัดการมาถามว่า “เรื่องที่เราได้ยินเกี่ยวกับเจ้าเป็นอย่างไร จงทำบัญชีรายงานการจัดการของเจ้า เพราะเจ้าจะไม่ได้เป็นผู้จัดการอีกต่อไป” 3ผู้จัดการจึงคิดว่า ”ฉันจะทำอย่างไร นายจะไล่ฉันออกจากหน้าที่ผู้จัดการแล้ว จะไปขุดดินก็ทำไม่ไหว จะไปขอทานก็อายเขา 4ฉันรู้แล้วว่าจะทำอย่างไรเพื่อว่าเมื่อฉันถูกไล่ออกจากหน้าที่ผู้จัดการแล้ว จะมีคนรับฉันไว้ในบ้านของเขา”
5‘เขาจึงเรียกลูกหนี้ของนายเข้ามาทีละคน ถามคนแรกว่า “ท่านเป็นหนี้นายข้าพเจ้าเท่าไร” 6ลูกหนี้ตอบว่า “เป็นหนี้น้ำมันมะกอกเทศหนึ่งร้อยถัง” ผู้จัดการจึงบอกว่า “นำใบสัญญาของท่านมา นั่งลงเร็วๆ เขียนแก้เป็นห้าสิบถัง” 7แล้วเขาถามลูกหนี้อีกคนหนึ่งว่า “แล้วท่านล่ะ เป็นหนี้อยู่เท่าไร” เขาตอบว่า “เป็นหนี้ข้าวสาลีหนึ่งร้อยกระสอบ” ผู้จัดการจึงบอกว่า “เอาใบสัญญาของท่านมาแล้วเขียนแก้เป็นแปดสิบกระสอบ”
8นายนึกชมผู้จัดการทุจริตคนนั้นว่าเขาทำอย่างเฉลียวฉลาด ทั้งนี้ก็เพราะบุตรของโลกนี้มีความเฉลียวฉลาดในการติดต่อกับคนประเภทเดียวกันมากกว่าบุตรของความสว่าง

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• ผู้จัดการคนนี้ฉลาดในอุปมาที่พระเยซูเจ้าเล่าในพระวรสารนักบุญลูกาบทที่ 16 เขาเป็นคน ฉลาดแบบกระแสโลก ฉลาดแต่ไม่ซื่อสัตย์หรือฉ้อโกง วันนี้พระวรสารทำให้พ่อคิดถึงสังคมโลกของเราจริงๆ สังคมเศรษฐกิจทั้งหลาย ธุรกิจ ที่เป็นไปตามกระแสโลกียนิยม... ตามปกติหลักคิดง่ายๆ ที่เราอาจมองข้ามไปเพราะความเห็นแก่ตัว.... คือ ถ้ามีคนหนึ่งโกง ก็มีคนที่ถูกโกงโดยทันที ถ้ามีคนหนึ่งไม่ซื่อสัตย์ ก็มีคนที่ถูกกระทำการไม่ซื่อสัตย์โดยทันทีในกิจกรรม กิจการนั้นๆ โดยทันที เรื่องนี้น่าคิดจริงๆ น่าไตร่ตรองมากจริงๆ
• ในแวดวงธุรกิจ พ่อไม่ขอไปแตะอะไรมากนัก เพราะพ่อไม่ได้เป็นนักธุรกิจ แต่เรื่องราวของพระวรสารวันนี้ พ่อเห็นได้ชัดเจนว่า ความฉลาดแบบโลก เปรียบอะไรกับปรีชาญาณของพระเจ้าไม่ได้เลยจริงๆ และกระแสโลกก็เชิญชวนเราให้ออกไปเดินตามกระแสของมัน ยั่วยวนด้วยความโลภ พ่อมักจะใช้คำนี้เสมอ “กระแสโลก กระแสโลภ” ความคิดแบบกระแสโลก อำนาจ ความโลภ ความเห็นแก่ตัว นำไปสู่การฉ้อโกงซึ้งเป็นผลร้ายมากๆ
• ทุกวันนี้ประเทศไทยของเราต้องมีหลักสูตรสำหรับเด็ก “โตไปไม่โกง” ดังอยู่พักหนักอยู่หน่อย ตอนนี้ก็เริ่มคลายตัวลงไปแล้ว แต่พ่อเชื่อว่าเรื่องนี้สำคัญและการศึกษา ทั้งภาครัฐและเอกชน สังคม ทั้งหมดจะต้องร่วมกันปฏิรูปชีวิตของสังคม โดยเฉพาะประเทศไทยของเรา
• ไม่ไหวแล้วครับ ประวัติศาตร์ที่ไม่น่าจดจำ คือความฉ้อโกงและคนฉ้อโกง แอบอ้าง ตักตวงผลประโยชน์ เล่าไปพูดไปทั้งชีวิตพ่อคงพูดได้ไม่หมด จนเวลานี้การโกง (อย่าคิดถึงแต่เรื่องเงินทองธุรกิจใดๆเท่านั้นครับ) แต่การเอาเปรียบทุกรูปแบบ การค้ามนุษย์ การปล่อยให้เกิดการละเมิดการค้าและละเมิดศีลธรรม ตรงนี้มีใครคิดบ้างไหม... ประสบการณ์บอกกับพ่อ... ขับรถผ่านถนนเพชรเกษมมาเกือบสามสิบปี และถ้ารวมสมัยเคยนั่งรถเมล์ก็เกือบสี่สิบปี... เวลานั้น กับเวลานี้... ถนนเกือบทุกแห่งและถนนนี้ที่คุ้นเคย แสงสี ร้านค้าอาหารสุราและแถมถ้ามนุษย์ มันช่างมากเกินไปจริงๆ ไม่ใช่ที่ท่องเที่ยวแต่เรามี “โรงแรม” (ที่เมื่อก่อนเรียกว่าม่านรูด แต่ปัจจุบันเรียกเป็นรีสอร์ท โรงแรม) เต็มไปหมด...ปิดได้จริงๆหรือ??? ที่สุดก็ต้องยอมรับว่า มีอิทธิพลและก็มีกฎหมาย มีผู้รักษากฎหมายไม่น้อย อยู่เบื้องหลังค้ำจุนรับผลประโยชน์
• การโกงไม่ได้เกิดเพียงการก้าวร้าวเข้าไปกรรโชค แต่การโกง ฉ้อโกงที่ร้ายกาจคือการโกงด้วยหน้าใสใส่ยศ แล้วรับผลอย่างแยบยลและดูดี เบื้องหลังคือตัวร้าย “ปล่อยปะละเลย” เพื่อประโยชน์... พ่อยอมรับว่าเอากฎหมายมาจับพวกคนโกงแบบนี้ยาก และก็ไม่ค่อยผิดกฎหมายด้วย เลี่ยงได้ จัดการได้...
• แต่ แต่ แต่ พี่น้องที่รัก... คำถามต่อไปคือ “ควรหรือไม่” “ควรกระทำแบบนี้ ควรปล่อยปะละเลย ทำเป็นไม่เห็น และได้ประโยชน์ หรือได้รับการต้อนรับตอบแทน” การทำแบบนี้ร้ายกว่าโกงฉ้อที่สามารถจับเข้าคุกได้ ขังได้ ดัดนิสัยได้ (คนเรามักจะยอมเพราะอายหรือกลัวสิ่งที่ภาษายุโรปไม่มีคือคำว่า “ขายหน้า” เพราะเขามีคำสอนพระเยซูฝังลึก จนวัฒนธรรมทั่วไปโกงไม่เป็น ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องโกง แต่ก็นะ มนุษย์ก็อ่อนแอได้ แต่พอบอกตรงๆว่า คนยุโรปหลายชาติถูกหล่อหลอมจนโกงไม่เป็นจริงๆ และไม่มีคอรัปชั่น หรือคอรัปชั่นเป็นศูนย์)
• พี่น้องที่รัก เรื่องผู้จัดการที่ฉลาด โกงมาตลอด แต่เมื่อนายจับได้... ส่งท้ายยังแม้โกงก็ยังฉลาดที่จะโกงเพื่ออนาคตและเอาตัวรอด จนนายในเรื่องอุปมาอดชมไม่ได้...
o “นายนึกชมผู้จัดการทุจริตคนนั้นว่าเขาทำอย่างเฉลียวฉลาด ทั้งนี้ก็เพราะบุตรของโลกนี้มีความเฉลียวฉลาดในการติดต่อกับคนประเภทเดียวกันมากกว่าบุตรของความสว่าง”

• พี่น้องที่รัก พ่อยอมรับว่าบุตรของโลกนี้มีความชาญฉลาด แต่ขาดปรีชาญาณ...จริงๆ พ่อขอให้พระวาจาของพระเจ้าที่พ่อเขียนไตร่ตรองสั้นๆวันนี้ เปิดใจของเรา เพราะเราเป็นคริสตชนมีพระคริสตเจ้าเป็นความสัตย์ซื่อและอ่อนโยน “Pie Iesu” (ปีเอ เยซู=Faithful Jesus) “พระเยซูผู้ซื่อสัตย์” เราต้องเป็นคริสตชนผู้เปี่ยมด้วยความเชื่อจริงๆให้ได้นะครับ
• ขอพระเจ้าอวยพรให้เราฉลาดกว่าความฉลาดแบบโลก คือ ฉลาดยิ่งกว่ากระแสโลกเพราะเรามีปรีชาญาณของพระเจ้า เราเป็นความสว่างส่องโลก และเป็นเกลือดองแผ่นดินนะครับ
• ที่สำคัญจงระวัง...พระองค์ตรัสชัดมาก “ทั้งนี้ก็เพราะบุตรของโลกนี้มีความเฉลียวฉลาดในการติดต่อกับคนประเภทเดียวกันมากกว่าบุตรของความสว่าง”
o พี่น้องที่รักจงเปี่ยมด้วยความซื่อสัตย์ต่อไป
o จงเฉลียวฉลาดที่จะคบหากับคนที่ซื่อสัตย์
o และอย่าปล่อยให้คนประเภทที่โกง ที่คบกันเป็นพรรค เป็นพวก เป็นกลุ่มก้อน...ในรูปแบบต่างๆ ที่ร่วมกันทั้งโกงกิน ยักยอก ฯลฯ อย่าเขาไปเสวนาคบหากับคนพวกนี้ และแยกแยะตนเองให้ศักดิ์สิทธิ์ คือ ถูกแยกไว้สำหรับพระเจ้านะครับ
o ขอพระเจ้าอวยพรครับ
• ข้อคิดส่งท้าย โลกเราย่อยยับทางเศรษฐกิจ สังคมเราย่ำแย่เพราะมีคนโกง คบกับคนโกง รวมกันเป็นพรรค เป็นกลุ่มในรูปแบบต่างจนร่ำรวยมากเกินไปครับ... บางคนประกาศงดงาม “นำเงินอนาคตมาใช้” ย่อยยับเลยนะครับ ฟังดูดี มีเครดิต แต่เป็นการสร้างหนี้หนักหนาจนคนส่วนใหญ่รากหญ้าของสังคมเป็นหนี้กันจนเหนื่อย... และที่แย่ๆๆๆ จังเลย “เอาเงินอนาคตมาใช้” สำหรับคนและพรรค พวก เหล่านี้ คือ “เอาเงินอน่าคตของประชาชนตาดำๆไปใช้เพื่อพวกตนร่ำรวยกันทั้งหมด...”
• ขอให้เราซื่อสัตย์นะครับ เหมือนพระเยซู พระองค์คือพระปรีชาญาณครับ

(Credit : Facebook จาก คุณพ่อสมเกียรติ ตรีนิกร)