แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ยน 13:1-15…
1ก่อนวันฉลองปัสกา พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าถึงเวลาแล้วที่จะทรงจากโลกนี้ไปเฝ้าพระบิดา พระองค์ทรงรักผู้ที่เป็นของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด
2ระหว่างการเลี้ยงอาหารค่ำ ปีศาจดลใจ ยูดาส อิสคาริโอท บุตรของซีโมนให้ทรยศต่อพระองค์ 3พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าพระบิดาประทานทุกสิ่งไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์แล้ว และทรงทราบว่า พระองค์ทรงมาจากพระเจ้า และกำลังเสด็จกลับไปหาพระเจ้า 4จึงทรงลุกขึ้นจากโต๊ะ ทรงถอดเสื้อคลุมออกวางไว้ ทรงใช้ผ้าเช็ดตัวคาดสะเอว

5แล้วทรงเทน้ำลงในอ่าง เริ่มล้างเท้าบรรดาศิษย์ และใช้ผ้าที่คาดสะเอวเช็ดให้
6เมื่อเสด็จมาถึงซีโมนเปโตร เขาทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า พระองค์จะทรงล้างเท้าของข้าพเจ้าหรือ” 7พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “สิ่งที่เราทำอยู่ขณะนี้ ท่านยังไม่เข้าใจ แต่จะเข้าใจในภายหลัง” 8เปโตรทูลว่า “ข้าพเจ้าไม่ยอมให้พระองค์ล้างเท้าข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า ”ถ้าท่านไม่ให้เราล้าง ท่านจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา” ซีโมนเปโตรทูลว่า 9”พระเจ้าข้า อย่าล้างเฉพาะเท้าเท่านั้น แต่ล้างทั้งมือและศีรษะด้วย” 10พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ผู้ที่อาบน้ำแล้วก็ไม่จำเป็นต้องล้างอะไรอีกนอกจากเท้า เขาสะอาดทั้งตัวแล้ว ท่านทั้งหลายก็สะอาดอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคน” 11ทั้งนี้ทรงทราบว่า ใครกำลังทรยศต่อพระองค์ จึงตรัสว่า “ท่านทั้งหลายสะอาด แต่ไม่ทุกคน”
12เมื่อทรงล้างเท้าของบรรดาศิษย์เสร็จแล้ว พระเยซูเจ้าทรงสวมเสื้อคลุมอีกครั้งหนึ่ง เสด็จกลับไปที่โต๊ะ ตรัสว่า “ท่านเข้าใจไหมว่าเราทำอะไรให้ท่าน” 13ท่านทั้งหลายเรียกเราว่าอาจารย์และองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็ถูกแล้ว เพราะเราเป็นอย่างนั้นจริง ๆ 14ในเมื่อเราซึ่งเป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและอาจารย์ยังล้างเท้าให้ท่าน ท่านก็ต้องล้างเท้าให้กันและกันด้วย 15เราวางแบบอย่างไว้ให้แล้ว ท่านจะได้ทำเหมือนกับที่เราทำกับท่าน

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• “การล้างเท้า ให้กับแขกที่เข้ามาในบ้านเป็นงานของ “ทาส”” เมื่อมีงานเลี้ยง การเลี้ยงฉลองปัสกาหรืองานที่มีแขกมาในบ้าน ที่ทางเข้าบ้าน จะมีทาสคุกเข่ารอผู้คน พวกแขกจะเดินเข้ามา จุ่มเท้าลงในอ่าง เพราะการเดินทางมาในแผ่นดินอิสราเอล ต้องเดินถนนที่เป็นฝุ่น หิน ทราบ เท้าจะสกปรกและจะน่ารำคราญมากเมื่อต้องเข้าบ้านและให้สบายตัว สะอาด เขาจะต้องล้างเท้า โดยให้ทาสได้เทน้ำล้างเท้าและเช็ดเท้าให้” งานนี้เป็นงานของทาสในบ้าน พวกเขาต้องอยู่ที่นั่นล้างเท้าให้กับทุกคน...


• พระวรสารนักบุญยอห์น บทที่ 13 เป็นพระวรสารเล่มเดียวที่มีบันทึกเรื่องการที่พระเยซูเจ้าทรงล้างเท้าบรรดา ศิษย์ในห้องอาหารค่ำสุดท้าย... พ่ออ่านแล้วพ่ออยากจะร้องว่า “โอ มาย กอด หรือ โอ มายลอร์ด” (พระเจ้าของลูก องค์พระผู้เป็นเจ้าของลูก) พระองค์ทำอะไรลงไปนี่... พระองค์ทำเช่นนี้ในค่ำคืนสุดท้าย...ด้วยความรัก 


• พระวรสารบันทึกว่า “พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าถึงเวลาแล้วที่จะทรงจากโลกนี้ไปเฝ้าพระบิดา พระองค์ทรงรักผู้ที่เป็นของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด” ความรักของพระองค์ที่ทรงมีต่อบรรดาศิษย์ ทำให้พระองค์ต้องกระทำเช่นนี้เทียวหรือ และอ่านบทนำของพระวรสารวันนี้ ในบทนี้เราพบกว่า นี่คือ การเลี้ยงปัสกาและเป็น “การเลี้ยงอำลา” ทรงทราบว่าจะจากโลกนี้ไปและทรงรักผู้ที่เป็นของพระองค์ “ทรงรักเขาจนถึงที่สุด” 


• พ่อสรุปได้เลยว่า สิ่งที่เกิดขึ้น “การล้างเท้า” คือ เครื่องหมายแห่งความรักมากที่สุด คือ ยอมรับใช้มากที่สุด รับใช้เยี่ยงทาส (Doulos ภาษากรีกแปลว่าทาส คือการรับใช้แบบไม่มีอิสรภาพ คือต้องรับใช้ ไม่รับใช้ไม่ได้ จำเป็นและนี่ไม่ใช่เป็นเพียงภาระ และเป็นภาวะจำยอมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้) พระองค์ “ทำให้เราดูในการรับใช้แบบทาสด้วยความรัก”

• เรื่องการทรยศของยูดาส นักบุญยอห์นชี้ทางออกของความหมายให้เห็นว่า การกระทำของยูดาส หรือการทรยศ คือ การกระทำของ “ปีศาจ” ปีศาจได้สิงจิตใจของยูดาส ยอห์นใช้คำชัดเจนว่า เขากระทำโดยการครอบงำของปีศาจ... 

o อันที่จริง ตรงข้ามกับการกระทำของพระเยซูเจ้าเลย พระองค์เลือกกระทำด้วยใจอิสระของพระองค์ คือ ใจอิสระที่จะยอมรับใช้แบบมอบอิสรภาพให้กลายเป็นแบบทาสรับใช้เพื่อจะบอกว่า ทรงรักบรรดาศิษย์อย่างที่สุด...

o จากยอห์น พ่อเห็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ระหว่างยูดาสที่ปีศาจสิงเขาให้ทรยศ กับพระเยซูเจ้าผู้ยอมมอบตนเองให้กับมนุษย์ด้วยอิสรภาพที่ยอมทิ้งอิสรภาพนั้น พระเยซูผู้ใช้อิสรภาพทั้งหมดยอมกลายเป็นทาสเพื่อที่จะรักจนถึงที่สุด ยอมเสียอิสรภาพและยอมเป็นทาสด้วยหัวใจที่มอบให้ด้วยอิสรภาพที่สุด...

• เวลาที่อัดแน่นที่สุดแห่งความรักและการรับใช้... ภาพของพระอาจารย์ที่ทำหน้าที่ดุจทาส... “ทรงลุกขึ้นจากโต๊ะ ทรงถอดเสื้อคลุมออกวางไว้ ทรงใช้ผ้าเช็ดตัวคาดสะเอว แล้วทรงเทน้ำลงในอ่าง เริ่มล้างเท้าบรรดาศิษย์ และใช้ผ้าที่คาดสะเอวเช็ดให้”

o เป็นไปได้อย่างไร... แบบนี้ใช่ไหมที่เราเรียกว่า “ทาสความรัก” ความรักที่ทำให้คนเรายอมเป็นทาส รับใช้แบบทาส เพราะความรักจริงๆ ความจริงเรื่องนี้เข้าใจไม่อยาก ถ้าเราดูความรักของมารดาต่อบุตร... ทำให้ลูกได้ทุกอย่าง ยอมรับใช้ทุกอย่าง อาบน้ำให้ ล้างเท้าให้ ทำความสะอาดให้ ยอมให้ทุกอย่างเพราะความรัก
o สำหรับพระเยซู นี่คือสิ่งที่เป็นช่วงเวลาที่เราน่าจะได้ไตร่ตรองจริงๆ... ทุกอริยาบทที่ยอห์นบันทึกสร้างความประทับใจทุกจังหวะจริงๆ
1. “ทรงลุกขึ้นจากโต๊ะ” โต๊ะอาหารเลี้ยงงานใหญ่สุดของศาสนายิว คือ “ปัสกา” พระองค์เป็นประธาน เป็นพ่อบ้านของโต๊ะนั้น ต้องนั่งในจุดที่พ่อบ้านของครอบครัวนั่ง และทำหน้าที่ หยิบขนมปังเพื่อถวายพระพร พระองค์ต้องทำหน้าที่นั่นในการเลี้ยงปัสกาเพื่อให้ทุกคนได้ฉลองปัสกาด้วยกัน พระคัมภีร์เขียนชัดแต่ต้นว่า “ระหว่างการเลี้ยงอาหารค่ำ” พระองค์ควรจะประทับนั่งท่ามกลางพวกเขา แต่ “ทรงลุกขึ้นจากโต๊ะ” พ่อเชื่อว่าทุกคนทุกสายตาจับดูพระองค์ และดูเหมือนว่า ยอห์นกำลังเล่าให้เราเห็นภาพที่กำลังเคลื่อนไปในการเลี้ยงปัสกานั้น... พระองค์ทรงลุกขึ้น
2. “ถอดเสื้อคลุมออกวางไว้” คือเสื้อตัวนอก เสื้อที่จำเป็นต้องใส่เพื่อการเลี่ยง เพื่อการฉลอง เพราะพระองค์เป็นเจ้าภาพ... แต่ทรงถอดเสื้อคลุมออก จะอธิบายอย่างไร ทรงถอดตำแหน่งสำคัญของประธานในงานเลี้ยง ให้เหลือเพียงเสื้อชั้นในที่กำลังทำหน้าที่บริการ รับใช้ เป็นทาสรับใช้ ทรงละจากบทบาทของเจ้าของโต๊ะอาหารปัสกา ถอดความสำคัญนั้นออกไปให้เหลือเพียงบทบาทของทาสเท่านั้น
3. “ทรงใช้ผ้าคาดสะเอว” การคาดเอว คือ การเตรียมพร้อมให้ทะมัดทะแมง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรับใช้เยี่ยงทาส การคาดสะเอวเป็นเครื่องหมายชัดเจนที่สุดของการเป็นผู้พร้อมจะรับใช้ ในบริบทของพระวรสารเราเคยได้อ่านพระวรสาร พระองค์ตรัส “จงคาดสะเอวและเตรียมพร้อม” พระวรสารนักบุญยอห์น ค่อยใช้ทุกจังหวะนี้เพื่อบอกให้เราเห็นชัดว่า พระองค์ทรงเตรียมพร้อมและพร้อมจะก้มลงรับใช้บรรดาศิษย์ ด้วยการล้างเท้าพวกเขา...
4. “ทรงเทน้ำลงในอ่าง เริ่มล้างเท้าบรรดาศิษย์ และใช้ผ้าที่คาดสะเอวเช็ดให้” ทั้งหมดนี้เป็นภาพที่ชัดที่สุดแล้ว ที่ยอห์นทำให้เราเห็นทุกๆอากัปกริยาของพระเยซูเจ้า.. คำกริยาที่เราได้เห็นทุกๆคำกริยาจริงๆ เป็นกริยาอย่างต่อเนื่อง..

• “พระเจ้าข้า พระองค์จะทรงล้างเท้าข้าพเจ้าหรือ” “สิ่งที่เราทำอยู่ขณะนี้ ท่านยังไม่เข้าใจ แต่จะเข้าใจภายหลัง” เราได้เห็นการต่อรองของเปโตร พระอาจารย์จะล้างเท้าบรรดาศิษย์ได้อย่างไร พระองค์เป็นพระอาจารย์ เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า จะทำเช่นนี้ได้อย่างไร.. 


• เปโตรต่อรองให้ล้างทั้งตัวด้วย.. แต่พระเยซูเจ้ายืนยัน “ล้างเฉพาะเท้า” การล้างเท้าคืองานของทาส พระองค์ยืนยันเลือกการกระทำเช่นทาส เพื่อมอบแบบฉบับแห่งการรับใช้แบบยอมมอบอิสรภาพด้วยใจอิสระที่มอบให้ ขณะเดียวกัน ยอห์นทำให้เราเห็นชัดว่า ยูดาสจะเป็นผู้ทรยศพระองค์ จึงตรัสว่า “ท่านทั้งหลายสะอาด แต่ไม่ทุกคน”

• “เมื่อทรงล้างเท้าของบรรดาศิษย์เสร็จแล้ว พระเยซูเจ้าทรงสวมเสื้อคลุมอีกครั้งหนึ่ง เสด็จกลับไปที่โต๊ะ ตรัสว่า “ท่านเข้าใจไหมว่าเราทำอะไรให้ท่าน”” ทุกประโยคต่อไปนี้คือสรุปบัญญัติที่พระองค์มอบให้ พร้อมกับแบบฉบับ... พระอาจารย์เจ้าทรงเป็นพระอาจารย์แท้จริงและทรงมอบความรักและแบบฉบับที่สุด ยอดให้กับเรา

o ท่านทั้งหลายเรียกเราว่าอาจารย์และองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็ถูกแล้ว เพราะเราเป็นอย่างนั้นจริง ๆ 

o ในเมื่อเราซึ่งเป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและอาจารย์ยังล้างเท้าให้ท่าน

o ท่านก็ต้องล้างเท้าให้กันและกันด้วย 

o เราวางแบบอย่างไว้ให้แล้ว 

o ท่านจะได้ทำเหมือนกับที่เราทำกับท่าน

• พี่น้องที่รัก...ชีวิตของพระองค์ แบบอย่างของพระองค์ คำสอนของพระองค์ คือ คำสอนถาวรสำหรับเรา คำสอนที่เราต้องจดจำและปฏิบัติตลอดไป เราต้องเป็นผู้รับใช้ เป็นทาสรับใช้เพราะความรัก และด้วยความรัก ดังเช่นพระองค์

o พ่อคิดว่าเราไม่มีทางอื่นจริงๆ ถ้าเรารัก ถ้าเราเลือก ที่จะรักเหมือนกับพระองค์ทรงรัก

o พ่อคิดว่าเราต้องเลือกทางนี้เท่านั้นจริงๆ 

o พ่อมั่นใจว่า พระองค์ทำเช่นนั้น “ล้างเท้า” เพื่อทรงสอนเราอย่างแท้จริงให้เดินตามพระฉบับขอพระองค์

o พ่อมั่นใจว่า “บัญญัติแห่งความรักและแบบฉบับ” นี้ คือ บรรทัดฐานของชีวิตของคริสตชนเราตลอดไป... โดยเฉพาะสำหรับพ่อเอง พระสงฆ์ นักบวช และคริสตชนทุกคนเช่นกันครับ

• คำวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์นี้ พระองค์สอนเราถึงการรับใช้อย่างลึกซึ้งที่สุด และไม่เพียงการล้างเท้าเท่านั้น เพราะที่สุด พระองค์ทรงตั้งศีลมหาสนิทและศีลบวชเพื่อรับใช้ด้วย ดังนั้น ค่ำคืนนี้ พ่อคิดว่าเรากล่าวได้ว่า 
1. การรับใช้เยี่ยงทาสโดยการล้างเท้า 
2. การศีลมหาสนิทแห่งความรัก 
3. การตั้งศีลบวชคือการสั่งพวกเขาให้ทำการนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระองค์


• ทั้งสามประการอันยิ่งใหญ่นี้ มีพื้นฐานสำคัญที่สุดอยู่ที่ “ความรัก บัญญัติแห่งความรักและแบบฉบับของพระคริสตเจ้า”


• วันนี้ คือ วันแห่งความรักยิ่งใหญ่ของเราคริสตชนทุกคนครับ ขอพระเจ้าอวยพรครับ