แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ยน 12:1-11…
1หกวันก่อนฉลองปัสกา พระเยซูเจ้าเสด็จไปที่หมู่บ้านเบธานี ตำบลที่อยู่ของลาซารัสที่พระองค์ทรงทำให้กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย 2ผู้คนที่นั่นจัดงานเลี้ยงเป็นเกียรติแด่พระองค์ มาร์ธาคอยรับใช้ ขณะที่ลาซารัสเป็นคนหนึ่งที่ร่วมโต๊ะกับพระองค์ด้วย 3มารีย์ใช้น้ำมันหอมสมุนไพรบริสุทธิ์ราคาแพงหนักหนึ่งปอนด์ชโลมพระบาทของพระ เยซูเจ้า และใช้ผมเช็ดพระบาท กลิ่นน้ำมันหอมอบอวลไปทั่วบ้าน 4ยูดาส อิสคาริโอท ศิษย์คนหนึ่งที่จะทรยศต่อพระองค์พูดว่า
5”ทำไมไม่เอาน้ำมันหอมนี้ไปขายราคาสามร้อยเหรียญ แล้วนำเงินไปแจกให้คนยากจนเล่า” 6ที่เขาพูดเช่นนี้มิใช่เพราะเขาห่วงใยคนยากจน แต่เพราะเขาเป็นขโมย เขาเป็นผู้ถือถุงเงินและยักยอกเงินในถุงนั้น 7พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ช่างเถิด ปล่อยให้นางเก็บน้ำมันหอมนี้ไว้สำหรับวันฝังศพของเรา 8คนยากจนนั้นอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอ แต่เราจะไม่อยู่กับท่านตลอดไป”
9ชาวยิวจำนวนมากรู้ว่าพระองค์ประทับอยู่ที่นั่น จึงมา มิใช่เพียงเพื่อเฝ้าพระเยซูเจ้า แต่เพื่อมาดูลาซารัส ซึ่งพระองค์ได้ทรงทำให้กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย 10บรรดาหัวหน้าสมณะจึงตกลงกันจะฆ่าลาซารัสด้วย 11เพราะลาซารัสทำให้ชาวยิวจำนวนมากไปเฝ้าพระเยซูเจ้าและเชื่อในพระองค์


อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• วันจันทร์ในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ เราก้าวเข้าไปสู่สัปดาห์ที่ศักดิ์สิทธิ์ เวลาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระศาสนจักรแล้วครับ... วันนี้วันจันทร์สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ปี ค.ศ. 2015 สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์แต่ละปี คือ เวลาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดสำหรับชีวิตของเรา... ทำไมหรือ ทำไม พี่น้องสัมผัส เข้าใจความหมายของสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์เพียงใด... วันนี้พ่ออยากจะพาเดิน เริ่มต้นสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์อย่างพิเศษครับ...


• เราผ่านเวลาแบบนี้มาทุกปี.. และข้อสังเกต.. พระสงฆ์ตามวัด พี่น้องสัตบุรุษก็เหนื่อยอ่อนกับการเดินทางมาวัด และอันที่จริงพิธีกรรมก็ซับซ้อนมากมายหลายประเด็น มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องกระทำกัน พ่อคิดว่า เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังคือ “ความรัก” ความรักที่พระบิดาเจ้าทรงทรงรักเราถึงมอบพระบุตรสุดที่รักของพระองค์เพื่อ ไถ่บาปของเรา ดูเหมือนง่ายที่จะสรุป ที่จะพูดถึงและเข้าใจเช่นนี้ แต่ประเด็นของความหมายลึกซึ้งที่พาเราเดินตลอดมหาพรต 40 วัน ที่กำลังจะจบลงในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ และเราจะร้องเพลงอัลเลลูยาแห่งปัสกาได้อย่างมีความสุขจริงๆ มากกว่าเพียงทำตามประเพณีและพิธีกรรม... จำเป็นที่เราต้องเข้าใจ เข้าถึงความล้ำลึกสุดหยั่งของความรักของพระเจ้าผู้ทรงรักเราเหลือประมาณ... “บนไม้กางเขน” Sic Nos Amantem (ซิค นอส อามันแตม) แปลว่า “ทรงรักเราถึงเพียงนี้” 


• พระเยซูเจ้าบนกางเขน คือ ธรรมล้ำลึกแห่งความรักของชีวิตขอเรา... ตรงนี้สุดยอดและวันนี้พ่อขอใช้โอกาสของวันจันทร์สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทุก ปีเราอ่านพระวรสารนักบุญยอห์นตอนนี้ ไม่เคยเปลี่ยน... ตอนที่เราอ่านในมิสซานี้ พ่อขอเก็บประเด็นมาอธิบายเสริม เพื่อเพิ่มกำลังความเชื่อแก่เรา เมื่อเราเชื่อ เราจึงแสวงหาความเข้าใจ และยิ่งเข้าใจ ความเชื่อของเรายิ่งนำความหวังและพลังแห่งความรักแน่นอนครับ...

• พระวรสารวันนี้ที่เราอ่าน คือเรื่อง การเจิมที่เบธานี

o “การเจิม” ชโลม น้ำมัน... เป็นการประกาศ..พระเยซูเจ้าเป็นพระคริสต์ เป็นพระแมสซียาห์ เป็นผู้รับเจิม... เมื่อใกล้ปัสกา พระองค์ไดรับการชโลมน้ำมันหอม... ในพระวรสารนักบุญมาระโกเล่าว่าหญิงคนหนึ่ง ทุบขวดหินสีขาวแต่ เทน้ำมันลงบนพระเศียรของพระเยซูเจ้า 

o การเทลงบนศีรษะเป็นเครื่องหมายของการชโลมตั้งประกาศ ถึงความเป็นผู้รับเจิมหรือการเป็นพระคริสตเจ้า เป็นการประกาศว่า พระเยซูเป็นพระคริสต์ความรอดพ้นแห่งชีวิต...

• พระวรสารนักบุญยอห์นวันนี้ เล่าต่างกันเล็กน้อย.. วิธีเล่าเป็นการเทิดทูนพระเยซูเจ้ามากๆ เทิดทูนจริงๆ เป็นการประกาศพระเยซูเจ้าเป็นพระคริสต์เจ้าเช่นกัน แต่ใช้บริบทและภาพลักษณ์ของความรักอย่างสุดซึ้งที่สุด กราบนมัสการที่สุด...

o เรื่องเล่าคือในบ้านของมารีย์และมาร์ธา ณ บ้านของลาซารัสผู้ทรงปลุกให้กลับคืนชีพ... มารีย์เป็นผู้ชโลมประกาศพระองค์... แต่ภาพลักษณ์คือ “มารีย์ใช้น้ำมันหอมสมุนไพรบริสุทธิ์ราคาแพงหนักหนึ่งปอนด์ชโลมพระบาทของพระ เยซูเจ้า และใช้ผมเช็ดพระบาท กลิ่นน้ำมันหอมอบอวลไปทั่วบ้าน” พ่ออ่านและไตร่ตรองมาถึงตรงนี้ พ่อเห็นเจตนาของท่านนักบุญยอห์นจริงๆ ครับ... ยอห์นต้องการทำให้เราเห็นว่า “การเทิดทูนพระทรมานหรือความตายของพระเยซูเจ้า “ปัสกา” คือการเทิดทูนด้วยความรักสุดพรรณนาจริงๆ” 

o ไม่สงสัยเรื่องน้ำมันหอมล้ำค่า... แต่ที่สวยงามมากคือกราบชโลมพระบาทของพระองค์และใช้ผมของมารีย์เช็ดพระบาท... ถ้อยคำของพระคัมภีร์จากยอห์นนี้สุดบรรยาย พ่ออ่านแล้วพ่อเห็นชัดว่า ท่านนักบุญยอห์นต้องการถ่ายทอดให้เราได้กราบพระบาท ชโลมพระบาท ในอีกไม่กี่วันที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์เพื่อเรา “หกวันก่อนฉลองปัสกา พระเยซูเจ้าเสด็จไปที่หมู่บ้านเบธานี” พ่ออยากจะบอกว่าช่างเหมาะเจาะจริงๆ และก็ในวันจันทร์ของสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ พ่อยากเชิญชวนให้เรา... พี่น้องที่รักของพระเยซูเจ้า ลูกๆที่รักขอพระเจ้า และพ่อด้วย... ให้เราทำเช่นเดียวกันนะครับ... ชโลมประกาศพระองค์เป็นพระเจ้าของเรา ชโลมประกาศด้วยชีวิตของเรา เช็ดพระบาทด้วยผมของเรา คือ ศิโรราบทั้งหมดเพื่อพระองค์... วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ปีนี้ พี่น้องที่รักพ่อจะเจ้าไปจูบกางเขนด้วยความรู้สึกรักและยอมศิโรราบเช่นนี้ จริงๆ และเชิญชวนให้พี่น้องได้ยอมให้กับความรักของพระองค์เช่นกัน เพราะทรงรักเราถึงเพียงนี้...

• ราคาน้ำหอม 300 เหรียญ คือ แค่แรงงานทุกวันที่ทำงานได้ตลอดทั้งปี

o สมัยพระเยซูเจ้า ทำงานตลอดวัน ได้เงิน 1 เหรียญ ปีหนึ่ง มี 365 วัน ทำงานได้ 300 วัน หักวันสับบาโตออก 52 วัน และหักวันฉลองอื่นๆที่ทำงานไม่ได้ ดังนั้น 300 เหรียญ คือ ค่าแรงตลอดทั้งปี... เทชโลมพระบาทพระเยซูเจ้า คือ การชโลมพระศพพระเยซูเจ้า ““ช่างเถิด ปล่อยให้นางเก็บน้ำมันหอมนี้ไว้สำหรับวันฝังศพของเรา” 

o เห็นได้ชัดว่า พระวรสารยืนยัน ชีวิตที่เทให้หมดเพื่อเทิดทูนความรักบนไม้กางเขน ไม่มีอะไรต้องสงสัยเลย พี่น้องครับ เทให้พระองค์ทั้งชีวิตและหัวใจของเราเช่นกันครับ

• ดูเหมือนยูดาสและบรรดาศิษย์ (เทียบ มก 14) จะห่วงคนยากจน... ก็จริงๆ แต่ พระเยซูเจ้าสัญญา “คนยากจนนั้นอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอ แต่เราจะไม่อยู่กับท่านตลอดไป” พ่อคิดว่าตรงนี้มีคำสอนเรามากจริงๆ ครับ

o การทุ่มเท ชโลมพระศพพระเยซูสำคัญที่สุด... เพราะเป็นการเทให้กับความรักแบบพระองค์ เลียนแบบพระองค์ในความรัก... การชโลมนี้คือการยอมศิโรราบ ศิโรราบให้กับความรักหมดทั้งชีวิตแบบพระเยซูทรงรักเราจริงๆ

o พี่น้องที่รัก พ่อคิดว่า พระวรสารสอนเราจริงๆ ให้เราต้องทุ่มเทเช่นพระเยซู และเทน้ำมันหอมของชีวิตของเรา ชโลมความรักหรือความตายเพราะความรักของพระองค์ เพื่อเรายืนยันว่าเราจะเดินตามรอยพระบาทของพระองค์

o พระเยซูเจ้าทรงห่วงคนยากจนแน่นอน... แต่การเริ่มด้วยการทุ่มเทให้กับพระเจ้าเหมือนพระองค์ ย่อมเป็นการสอนเราให้รักคนยากจนจนหมดหัวใจเช่นเดียวกัน

• ขอสังเกตสำหรับยูดาสต่างหากที่พระวรสารเสนอและสอนพ่อเองอย่างพิเศษ “ที่เขาพูดเช่นนี้มิใช่เพราะเขาห่วงใยคนยากจน แต่เพราะเขาเป็นขโมย เขาเป็นผู้ถือถุงเงินและยักยอกเงินในถุงนั้น”

o พ่อคิดว่าเงินคือการล่อลวงที่น่าตระหนักจริงๆ 

o พ่อถามตนเอง ถามพี่น้องในพระศาสนจักร.. เราห่วงใยคนยากจนจริงๆไหม... พ่อคิดว่าเราต้องหันกลับมาไตร่ตรองจริงๆ พ่อก็อยากเตือนตนเองตรงๆ บ่อยครั้งเราประกาศเชิญชวนให้เราแบ่งปัน ให้เราบริจาค ให้เราช่วยคนยากจน... แต่พ่อเอง พระสงฆ์ นักบวช คนประกาศ ได้กล้าเปิดกระเป๋าตนเอง และเทออกเพื่อช่วยเหลือด้วยความรักไหม

o พระเยซูเจ้า “เทหมดหน้าตัก” ไม่เหลือ แต่แม้แต่ชีวิตของพระองค์... แต่ศิษย์ของพระองค์ยูดาสเองกลับเป็นขโมย... คอรัปชั่น เรื่องนี้อันตรายและไม่น่ารักมากๆ ไม่น่ารักจริงๆ

o พ่อเตือนพ่อเอง และขอเตือนใจพวกเราคนศาสนา...พระสงฆ์ นักบวช ฆราวาสผู้ทำงานเพื่อพระเจ้า พวกเราต้องรอบคอบ ต้องซื่อสัตย์จริงๆ ระวังอย่าให้ความโลภ เงินทอง ความอยากได้ เข้ามาเป็นความปรารถนาและความทุ่มเทของเราเด็ดขาด... และจะอันตรายมาก ไม่น่ารักมากๆ และพ่อเชื่อว่า ถ้าการทำงานศาสนาและการทำงานเมตตาให้ทานของเรามีวาระซ่อนเร้น ขาดความโปร่งใส และยิ่งถ้าหันประโยชน์เข้าหาตนเอง... เราสามารถมั่นใจได้เลยว่า กิจการของเรานั้นไม่ใช่เป็นการประกาศข่าวดี แต่เป็นข่าวร้ายจริงๆ 

o พ่อคิดว่า คนของพระเจ้า มือต้องสะอาด ใจต้องสะอาด และต้อง ไม่มีผลประโยชน์ใดๆเพื่อตนเอง แต่ต้องมอบให้ได้แม้แต่ชีวิตของตน ดังเช่นพระเยซูทรงเป็นต้นแบบแก่เรา

• วันจันทร์ สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ 2015 พ่อเชิญชวนเราให้ เทชีวิตของเราดุจน้ำมันหอมสมุนไพรบริสุทธิ์ราคาแพง เพื่อชโลมความรักแห่งการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนของพระคริสตเจ้านะครับ ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน ให้เราได้เป็นดังน้ำมันหอมสมุนไพรบริสุทธิ์ราคาแพงเพื่อชโลมประกาศพระเยซูบน ไม้กางเขน เป็นพระคริสต์ เป็นพระเจ้าของเราตลอดไป...