แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันพฤหัสบดี สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 19:41-44)                                                   

เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาใกล้กรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทอดพระเนตรเมืองนั้นแล้วทรงกันแสง ตรัสว่า “ถ้าในวันนี้เจ้าเพียงแต่รู้จักทางนำไปสู่สันติ ก็จะเป็นการดี แต่ทางนั้นถูกซ่อนไว้จากดวงตาของเจ้าเสียแล้ว วันนั้นจะมาถึงเจ้า เมื่อข้าศึกสร้างที่มั่นล้อมเจ้า จะตรึงเจ้าไว้อย่างแน่นหนารอบทุกด้าน จะบุกทำลายเจ้าและลูกหลานที่อาศัยอยู่ในเจ้าจนราบเป็นหน้ากลอง และจะไม่ปล่อยให้มีก้อนหินซ้อนกันอยู่ในเจ้าอีก เพราะเจ้าไม่รู้จักเวลาที่พระเจ้าเสด็จมาเยี่ยมเจ้า”


ลก 19:41-44 พระคริสตเจ้ากันแสงเพราะความล้มเหลวของกรุงเยรูซาเล็มในการตอบสนองต่อพระหรรษทานที่น่าตื่นตาแห่งการประทับอยู่ของพระเมสสิยาห์ท่ามกลางพวกเขา พระองค์ทรงทราบล่วงหน้าถึงการทำลายเมืองนี้โดยฝีมือของชาวโรมัน ซึ่งจะเกิดขึ้นในยุคต่อไปคือราวปี 70 ก่อนคริสตศักราช

พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็ม

CCC ข้อ 558 พระเยซูเจ้าทรงเชิญชวนให้คิดถึงความตายของบรรดาประกาศกซึ่งถูกฆ่าที่กรุงเยรูซาเล็ม ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังเน้นที่จะเรียกกรุงเยรูซาเล็มให้เข้ามารวมอยู่รอบพระองค์ “กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เราอยากรวบรวมบุตรของเจ้าเหมือนดังแม่ไก่รวบรวมลูกไว้ใต้ปีก แต่ท่านทั้งหลายไม่ต้องการ” (มธ 23:37ข) เมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงพระกันแสงสงสารเมืองนั้น” และยังทรงแสดงความปรารถนาในพระทัยอีกด้วย “ถ้าในวันนี้เจ้าเพียงแต่รู้จักทางนำไปสู่สันติก็จะเป็นการดี แต่ทางนั้นถูกซ่อนไว้จากดวงตาของเจ้าเสียแล้ว” (ลก 19:42)

พระเยซูเจ้าและพระวิหาร

CCC ข้อ 585 ถึงกระนั้น ก่อนที่จะทรงรับทรมาน พระเยซูเจ้าทรงทำนายไว้ว่าอาคารสง่างามนี้จะต้องถูกทำลาย จะไม่มีก้อนหินเหลือซ้อนกันอยู่เลย ณ ที่นี้ พระองค์ทรงแจ้งเครื่องหมายของช่วงเวลาสุดท้ายที่กำลังจะเริ่มขึ้นพร้อมกับปัสกาของพระองค์ แต่คำพยากรณ์นี้จะถูกพยานเท็จบิดเบือนความหมายนำไปใช้ปรักปรำพระองค์ในการพิจารณาคดีต่อหน้ามหาสมณะ และยังถูกใช้เป็นคำสบประมาทพระองค์ขณะที่ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขนด้วย

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)