แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันพฤหัสบดี สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 9:7-9)                  

เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทรงรู้สึกสับสน เพราะบางคนพูดว่ายอห์นได้กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย บางคนพูดว่าประกาศกเอลียาห์ได้ปรากฏแล้ว บางคนว่าประกาศกในอดีตคนหนึ่งได้กลับคืนชีพ แต่กษัตริย์เฮโรดตรัสว่า “ยอห์นนั้น เราได้ตัดศีรษะแล้ว คนที่เราได้ยินเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นใคร” กษัตริย์เฮโรดจึงทรงหาโอกาสจะพบพระองค์


สำหรับบรรดาผู้มีความเชื่อ เยซู ชาวนาซาเร็ธ พระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้า คือบุคคลสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ แน่นอนว่าบางคนอาจไม่เห็นด้วยกับการกล่าวอ้างนี้ และได้ชี้ไปยังอีกบางบุคคล เช่น โสกราตีส เพลโต อเล็กซานเดอร์มหาราช นโปเลียน และคนอื่นๆ อีกมากมาย แน่นอนว่าบุคคลเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญและได้มอบผลงานที่โดดเด่นเอาไว้ อย่างไรก็ตาม การเกิดมาของพวกเขาไม่ได้ทำให้เกิดการแบ่งกาลเวลาอันเป็นเหตุให้เหตุการณ์ในอนาคตทั้งหมดถูกระบุว่าเกิดขึ้นก่อนหรือหลังการเกิดของพวกเขา แม้จะมีผู้ชื่นชมในพวกเขาก็จริง แต่พวกเขาไม่สามารถเรียกร้องให้คนจำนวนล้านๆ นมัสการพวกเขาในฐานะพระเจ้าแท้จากพระเจ้าแท้ได้ มีแต่พระเยซูชาวนาซาเร็ธแต่ผู้เดียวเท่านั้นที่เราจะมองข้ามไม่ได้ เพราะในพระองค์ พระเจ้าได้ทรงเข้ามาทั้งในเวลาและสถานที่ ทรงมารับสภาพมนุษย์ ทรงรับทรมาน สิ้นพระชนม์ และกลับคืนชีพอีกครั้งหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงดึงดูด ทำให้แปลกใจ ท้าทาย ตรึงใจ กวนประสาท ทำให้โกรธ ทำให้ผิดหวัง ความจริงที่เข้าใจง่ายๆ ก็คือ พระเยซู ชาวนาซาเร็ธ เป็นผู้ที่เราไม่สามารถมองข้ามได้ หรือการไม่รับรู้ถึงพระองค์ย่อมทำให้เรามีอันตรายได้

เราเห็นอย่างชัดเจนถึงพลังแห่งการดึงดูด ความน่าสนใจ ความน่าอัศจรรย์ ความหลงใหลและความอยากรู้อยากเห็นนี้ในเฮโรด อันทิปาส เขาไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้และกระตือรือร้นที่จะเห็นพระเยซูเจ้าเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของเขา อย่างไรก็ตามเป็นความอยากรู้อยากเห็นซึ่งมาจากเจตนาที่อยากจะฆ่า ในที่สุดความปรารถนาของเฮโรดก็เป็นจริง เมื่อพระเยซูเจ้าทรงถูกจับ และปิลาตก็ได้ส่งพระองค์มาให้เขาตั้งข้อหา ตรงนี้เองจุดประสงค์แท้จริงของเฮโรดที่อยากพบพระเยซูเจ้าก็ถูกเปิดเผย กล่าวคือ เขาต้องการถามและเห็นพระองค์ทำอัศจรรย์ เฮโรดได้ล้อเลียนและเยาะเย้ยพระองค์ก่อนส่งกลับไปหาปีลาต มีเชิงอรรถประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจตอนหนึ่งกล่าวว่า ทั้งปีลาตและเฮโรดได้กลายเป็นเพื่อนกันด้วยการร่วมกันสบประมาทพระคริสตเจ้า (เทียบ ลก 23: 12) 

การเมินเฉยต่อเยซู ชาวนาซาเร็ธ ย่อมทำให้มีอันตรายได้ ในความหมายที่ว่า พระเยซูเจ้าทรงมีทั้งแรงดึงดูดและเป็นที่น่ารังเกียจ มีกลอุบายและน่าหลงใหล ความท้าทายและความไม่มั่นคง พระองค์ทรงส่องแสงสว่างที่สำคัญเพื่อให้เราสามารถถ่ายทอดความเชื่อของเราต่อไป เราได้ให้ผู้คนเชื่อในเรามากพอที่จะดึงดูดให้ผู้คนแสวงหาชีวิต คำสอน และการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าหรือไม่ สิ่งนี้เป็นของประทานซึ่งสามารถเปิดการสนทนาทุกอย่างที่น่าสนใจและที่ไม่เป็นการคุกคามได้ ปัญหาของเราคือ เราประเมินความสนใจนี้ต่ำเกินไป ทำให้ประหม่าและกังวลว่าจะพูดอะไร ให้เราวอนขอพระจิตเจ้าประทานปรีชาญาณ ไหวพริบ ความอ่อนไหว และใจที่เปิดกว้างในการเป็นพยานแห่งความเชื่อของเรา ด้วยความมั่นใจว่าพระองค์ได้ทรงเตรียมพื้นดินเอาไว้แล้ว

พระบิดาเจ้าข้า โปรดประทานพระหรรษทาน ของขวัญแห่งความชื่นชมยินดี และความมั่นใจในการเป็นพยานถึงความเชื่อของลูก ขอให้ข้าพเจ้าทำด้วยความมั่นใจว่า พระเยซูเจ้าแห่งนาซาเร็ธ พระบุตรของพระองค์ ไม่เป็นเพียงกุญแจแห่งประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติเท่านั้น แต่ทรงเป็นความหมายแห่งชีวิตด้วย 

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)