แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันอังคาร สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมัทธิว (มธ 9:32-38)                                                                   

เวลานั้น เมื่อคนที่เคยตาบอดทั้งสองคนจากไปแล้ว มีผู้พาคนใบ้ถูกปีศาจสิงคนหนึ่งมาเฝ้าพระเยซูเจ้า ครั้นปีศาจถูกขับออกไปแล้ว คนใบ้ก็พูดได้ ประชาชนต่างประหลาดใจ กล่าวว่า “ยังไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้เลยในอิสราเอล” แต่ชาวฟาริสีกล่าวว่า “คนนี้ขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของเจ้าแห่งปีศาจนั่นเอง”

พระเยซูเจ้าเสด็จไปตามเมืองและตามหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชน ก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านั้นเหน็ดเหนื่อยและท้อแท้ประดุจฝูงแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง แล้วพระองค์ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ข้าวที่จะเก็บเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด” 


มธ 9:27-34  บุตรแห่งดาวิด : สมญานามนี้บ่งบอกถึงลักษณะของพระเมสสิยาห์อย่างหนักแน่น คำร้องตะโกนของชายตาบอดสองคนนี้ที่ว่า “ข้าแต่พระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรพระเจ้า โปรดเมตตาเราคนบาปด้วยเถิด ” ได้กลายเป็นรูปแบบพื้นฐานของบทภาวนาดั้งเดิมต่อพระเยซูเจ้า คำเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในบทแสดงความทุกข์ในศีลอภัยบาป  ตาของเขาทั้งสองคนก็เริ่มมองเห็น : จากประโยคนี้เราสามารถเข้าใจทั้งการรักษาด้านร่างกายของคนตาบอดให้เขากลับแลเห็นใหม่ และทั้งสมรรถภาพในการมองด้วยแสงสว่างของพระคริสตเจ้าที่ทำให้พวกเขาติดตามพระองค์ไป  ระวัง อย่าบอกให้ใครรู้เรื่องนี้ : เป็นสิ่งแปลกที่พระคริสตเจ้าทรงกำชับพวกเขามิให้บอกเรื่องที่ได้รับการรักษาจากพระเมสสิยาห์นี้แก่ผู้ใด ดังนี้จึงเรียกว่า “ความลับของพระเมสสิยาห์” ที่เป็นเช่นนี้เพราะพระองค์มิได้ทรงเป็นพระเมสสิยาห์ทางการเมืองของโลกนี้ตามที่หลายคนคาดหวังไว้ แต่ก่อนอื่นใดพระองค์ทรงมาเพื่อไถ่ผู้คนให้เป็นอิสระจากบาปและปีศาจ การเปิดเผยพระองค์เองในตอนนั้นจึงอาจทำให้เกิดการปฏิเสธก่อนที่พันธกิจบนโลกนี้ของพระองค์จะสำเร็จไปก็ได้     

พระคริสตเจ้า

  CCC ข้อ 439 ชาวยิวจำนวนมาก และแม้แต่ชนต่างชาติบางคนที่ร่วมความหวังของชาวยิว ยอมรับคุณลักษณะพื้นฐานของพระเมสสิยาห์ในองค์พระเยซูเจ้า คือการที่ทรงเป็น “พระโอรสของกษัตริย์ดาวิด” ที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้กับอิสราเอล พระเยซูเจ้าทรงยอมรับตำแหน่งพระเมสสิยาห์ตามสิทธิที่ทรงมี แต่ก็ยังคงสงวนท่าที เพราะผู้ร่วมสมัยของพระองค์หลายคนเข้าใจตำแหน่งนี้ตามความเข้าใจแบบมนุษย์มากเกินไป คือเข้าใจตามความหมายทางการเมืองโดยเฉพาะ   

พระเยซูเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานภาวนาของเรา

  CCC ข้อ 2616 พระเยซูเจ้าทรงรับฟังการอธิษฐานภาวนาต่อพระองค์แล้วตั้งแต่ในเวลาที่ทรงเทศน์สอนประชาชน ผ่านทางเครื่องหมายที่เกริ่นล่วงหน้าแล้วถึงอานุภาพของการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อที่แสดงออกด้วยคำพูด (จากคนโรคเรื้อน จากไยรัส จากหญิงชาวคานาอัน จากโจรกลับใจ) หรือที่แสดงออกเงียบๆ (จากคนที่แบกคนอัมพาตเข้ามา จากหญิงตกเลือดที่มาสัมผัสฉลองพระองค์ ด้วยน้ำตาและเครื่องหอมของหญิงคนบาป) การพร่ำขอของคนตาบอดว่า “โอรสของกษัตริย์ดาวิดโปรดเมตตาเราเถิด” (มธ 9:27) หรือ “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” (มก 10:47) ซึ่งจะถูกรับไว้ในธรรมประเพณีต่อมาที่เรียกว่า การอธิษฐานภาวนาต่อพระเยซูเจ้า คือวลีว่า “ข้าแต่พระเยซู ข้าแต่พระคริสตเจ้า ข้าแต่พระบุตรของพระเจ้า พระเจ้าข้า โปรดทรงพระเมตตาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด” พระเยซูเจ้าทรงตอบการอธิษฐานภาวนาที่อ้อนวอนพระองค์ด้วยความเชื่อเสมอ โดยทรงรักษาโรคหรือประทานอภัยบาป “จงไปเป็นสุขเถิด ความเชื่อของลูกช่วยลูกให้รอดพ้นแล้ว” นักบุญออกัสตินสรุปสามมิติของการอธิษฐานภาวนาของพระเยซูเจ้าไว้อย่างน่าฟังว่า  “พระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาเพื่อเราในฐานะพระสงฆ์ของเรา ทรงอธิษฐานภาวนาในตัวเรา ในฐานะที่ทรงเป็นศีรษะของเรา ทรงรับคำอธิษฐานภาวนาจากเรา ในฐานะที่ทรงเป็นพระเจ้าของเรา ดังนั้น เราจงยอมรับเสียงของเราในพระองค์ และเสียงของพระองค์ในเรา”  

การอธิษฐานภาวนาโดยเปล่งเสียง

  CCC ข้อ2700 พระเจ้าตรัสกับมนุษย์ทางพระวาจา (พระวจนาตถ์) ของพระองค์ การอธิษฐานภาวนาของเราเติบโตขึ้นด้วยถ้อยคำ ทั้งที่อยู่ในใจหรือที่เปล่งออกมาเป็นเสียง แต่ที่สำคัญที่สุดคือการที่ใจของเราอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ที่เรากราบทูลด้วยในการอธิษฐานภาวนาของเรา “การที่พระเจ้าทรงฟังเราไม่อยู่ที่ถ้อยคำจำนวนมาก แต่อยู่ที่ความตั้งใจ”   


มธ 9:38  พระอาณาจักรพระเจ้าถูกป่าวประกาศให้แก่ชนชาวยิวเป็นอันดับแรก ทำให้พวกเขาเป็นประชากรเลือกสรรของพระเจ้า ถึงแม้ว่าชนทุกชาติได้รับการเชื้อเชิญด้วยเช่นกัน (เทียบ มธ 8:10-12)  ข้าวที่จะเก็บเกี่ยว... คนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์ : เราควรภาวนาอย่างกระตือรือร้นสำหรับกระแสเรียกพระสงฆ์และนักบวช รวมทั้งสำหรับทุกคนด้วย เพื่อให้พวกเขาตั้งพระคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลางแห่งชีวิตของตน  

การแจ้งข่าวเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า

  CCC ข้อ 543 พระเจ้าทรงเรียกมนุษย์ทุกคนเข้ามาในพระอาณาจักร พระอาณาจักรพระเมสสิยาห์นี้ ซึ่งก่อนใดอื่นทรงแจ้งไว้แก่บุตรหลานของอิสราเอลนั้น ถูกกำหนดไว้ให้รับมนุษย์ทุกชาติ เพื่อจะเข้ามาในพระอาณาจักรนี้ได้ จำเป็นต้องรับพระวาจาของพระเยซูเจ้า

  “พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเปรียบได้กับเมล็ดพันธุ์ที่หว่านลงในทุ่งนา ผู้ที่ฟังพระวาจาด้วยความเชื่อและรวมเข้ามาอยู่ในกลุ่มเล็กๆ ของผู้ติดตามพระคริสตเจ้าก็ได้รับพระอาณาจักรนี้ ต่อจากนั้น โดยพลังของตน เมล็ดพันธุ์ก็งอกขึ้นและเจริญเติบโตจนถึงเวลาเก็บเกี่ยว”

พระเยซูเจ้าทรงสอนให้อธิษฐานภาวนา

  CCC ข้อ 2611 การอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อไม่ได้ประกอบด้วยเพียงการกล่าวว่า “พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า” แต่อยู่ในใจที่พร้อมที่จะปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดา พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญบรรดาศิษย์ให้สนใจร่วมแผนงานกับพระเจ้าในการอธิษฐานภาวนาด้วย

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)