แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

9396

269 พระคัมภีร์กล่าวบ่อยๆ ว่าพระอานุภาพของพระเจ้าครอบคลุมทุกสิ่ง พระองค์ทรงได้รับพระนามว่า “พระผู้ทรงอานุภาพแห่งยาโคบ” (ปฐก 49:24; อสย 1:24 และที่อื่นๆ) “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพลัง” “ทรงเข้มแข็งและทรงอานุภาพ” (สดด 24:8-10) ดังนั้น พระเจ้าจึงทรงสรรพานุภาพ “ในท้องฟ้าและบนแผ่นดิน” (สดด 135:6) เพราะพระองค์ทรงสร้างทุกสิ่งเหล่านี้ ไม่มีอะไรที่ทรงทำไม่ได้ และทรงจัดผลงานทุกสิ่งตามพระประสงค์ พระองค์ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าของจักรวาลที่ทรงจัดระเบียบให้อยู่ใต้พระอำนาจอย่างสมบูรณ์ พระองค์ทรงเป็นเจ้านายของประวัติศาสตร์ ทรงควบคุมจิตใจและเหตุการณ์ต่างๆ ตามพระประสงค์ “เพราะพระองค์ทรงเลือกใช้พระอานุภาพยิ่งใหญ่ได้เสมอ ใครเล่าจะต้านทานพลังแห่งพระกรของพระองค์ได้” (ปชญ 11:21)

276 พระศาสนจักรเชื่อคำยืนยันของพระคัมภีร์ ถวายคำอธิษฐานภาวนาต่อ “พระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพสถิตนิรันดร” (ภาษาละตินว่า “Omnipotens sempiterne Deus….”) โดยเชื่อมั่นว่า “ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำไม่ได้” (ลก 1:37)

2086 “พระบัญญัติประการแรกนี้รวมบัญญัติให้มีความเชื่อ ความหวัง และความรัก เพราะเมื่อเรากล่าวถึงพระเจ้า เราก็ประกาศว่าพระองค์ทรงมั่นคง ไม่เคลื่อนไหว ไม่เปลี่ยนแปลง ดำรงอยู่เช่นนั้นตลอดไป ทรงซื่อสัตย์ เที่ยงตรง ไม่มีความชั่วใดๆ เลย เมื่อเราเห็นด้วยกับพระวาจาของพระองค์ เราก็จำเป็นต้องเชื่อและยอมรับพระอำนาจของพระองค์ ใครเล่าที่พิจารณาพระสรรพานุภาพ พระกรุณา และความพร้อมของพระองค์ที่จะประทานความดีแก่เราแล้ว จะไม่วางความหวังทั้งหมดของตนไว้ในพระองค์? และถ้าใครพิจารณาถึงความดีและความรักของพระองค์ที่ประทานพระพรต่างๆ ให้เราอย่างมากมาแล้ว เขาอาจจะไม่รักพระองค์ได้หรือ? ดังนั้น ข้อความที่พระเจ้าทรงใช้ตรัสในพระคัมภีร์ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเป็นทั้งคำนำและข้อสรุปของพระบัญญัติประการนี้