แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

พิธีศีลมหาสนิท
    พิธีศีลมหาสนิท (The Eucharist) คือคารวะกิจที่เป็นหลักสำคัญในพระศาสนจักรคาทอลิก  พิธีมิสซาเป็นการแสดงออกที่ดีที่สุดถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าพระบิดา ผ่านทางการช่วยให้รอดพ้นของพระบุตรและด้วยพลังของพระจิต  คำว่า Eucharist มาจากคำในภาษากรีก หมายถึง “การแสดงความขอบคุณ” (thanksgiving)  พิธีศีลมหาสนิทเป็นวิธีการล้ำเลิศที่เราถวายคำสรรเสริญและความรู้สึกขอบพระคุณของเราแด่พระเจ้าในฐานะกลุ่มคนหนึ่งที่มีศรัทธา

    ศีลมหาสนิทเป็นเครื่องหมายแสดงถึงอะไร? (CCC 1328-1332)
    ศีลมหาสนิทเป็นเครื่องหมายที่ทรงประสิทธิภาพซึ่งพระเยซูคริสต์ทรงกำหนดขึ้นอย่างเป็นทางการ  นั่นหมายความว่าศีลมหาสนิทเป็นเครื่องหมายแสดงสิ่งที่มันจะทำให้เกิด และทำให้เกิดสิ่งที่มันเป็นตัวแทน ท่ามกลางสิ่งต่างๆ มากมาย ศีลมหาสนิทแสดงให้เห็นและนำมาซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ คือชีวิตฝ่ายวิญญาณและอาหารบำรุงชีวิตฝ่ายวิญญาณ;  การบูชายัญความรักที่ทำให้เราศักดิ์สิทธิ์; ชุมชนคริสตชนและความเป็นเอกภาพ;การประทับอยู่ของพระคริสตเจ้าในชีวิตของแต่ละบุคคลและในชีวิตของพระศาสนจักร;ธรรมล้ำลึกปัสกาซึ่งนำชีวิตนิรันดรมาให้

พิธีศีลมหาสนิทเป็นมื้ออาหารศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? (CCC 1412)
    พิธีศีลมหาสนิทเป็นมื้ออาหารเพื่อการระลึกถึงซึ่งนำเอาอาหารค่ำมื้อสุดท้ายที่พระเยซูเจ้าทรงจัดเลี้ยงกับบรรดาอัครสาวกในคืนก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์กลับมาอีก  มื้ออาหารที่มีการแบ่งปันกันมีลักษณะที่บ่งบอกถึงความสนิทสนม  อันหมายถึงบางสิ่งที่มากกว่าการรับประทานอาหาร ณ ที่นั้น  เขาเหล่านั้นผู้แบ่งปันความสุขใจจากมิตรภาพ รวมกลุ่มและมีส่วนร่วมในอาหารจานเดียวกัน  คำว่า “มิตรภาพ”(companionship) หมายถึง “การแบ่งขนมปังให้แก่กัน”  มื้ออาหารที่มีการแบ่งปันกันเป็นสัญลักษณ์สากลที่แสดงความเป็นเพื่อน
    พระเยซูเจ้าทรงทราบถึงความหมายลึกซึ้งที่เกี่ยวข้องกับมื้ออาหาร  เมื่อพระองค์ทรงตั้งศีลมหาสนิทขึ้นในช่วงเทศกาลกินเลี้ยงปัสกาของชาวยิว  มื้ออาหารปัสกาเตือนบรรดาประชาชนชาวยิวให้ระลึกถึงความดีงามและความซื่อสัตย์ของพระเจ้าผู้ทรงช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นจากการเป็นทาสในประเทศอียิปต์   “ปัสกา”ใหม่ที่พระเยซูเจ้าทรงกำหนดขึ้นนี้ เตือนให้เราระลึกถึงค่าไถ่ตัวเราจากการเป็นทาสของบาปและอำนาจแห่งความตาย
    ในพิธีศีลมหาสนิท พระเยซูเจ้าเสด็จมาอยู่กับเราในรูปของอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งทั้งสองสิ่งมีความจำเป็นต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์  ศีลมหาสนิทกลายเป็นอาหารบำรุงวิญญาณสำหรับเรา  หากปราศจากสิ่งนี้ความเชื่อของเราน่าจะย่อยยับอย่างแน่นอน  พิธีศีลมหาสนิทแสดงถึงการรับสิ่งล้ำค่าสำหรับวิญญาณที่สืบทอดมาถึงเรา นั่นคืองานเลี้ยงฉลองในสวรรค์ ที่ซึ่งเราจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและกับพี่น้องของเราที่ได้ล่วงลับไปก่อนแล้ว

ขนมปังในพิธีศีลมหาสนิทหมายถึงอะไร? (CCC 1412)
    ขนมปังเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของความมีชีวิต  ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหนมันก็เป็นอาหารพื้นฐานและบางทีก็เป็นอาหารเพียงอย่างเดียวสำหรับผู้คนจำนวนมาก  ขนมปังไร้เชื้อที่เราใช้ในพิธีศีลมหาสนิทกลายเป็นพระกายของพระเยซูเจ้าสำหรับเรา  ในพิธีศีลมหาสนิทเราพบการประทับอยู่จริงของพระคริสตเจ้า จากนั้นเราบริโภคพระคริสต์เพื่อทำให้ตัวเรากลายเป็นพระวิหารของพระองค์ในโลกนี้
    การใช้ขนมปังไร้เชื้อในพิธีมิสซามีความหมายที่ยิ่งใหญ่ ในท่ามกลางการกินปัสกาที่พระเยซูเจ้าทรงจัดเลี้ยงกับบรรดาศิษย์ ขนมปังไร้เชื้อคือสิ่งช่วยเตือนความจำเรื่องความเร่งรีบของประชาชนชาวยิวที่หลบหนีออกจากประเทศอียิปต์ในสมัยของโมเสส  พวกเขาไม่มีเวลาพอที่จะรอให้ขนมปังฟูขึ้น  เราใช้ขนมปังไร้เชื้อเพื่อเตือนว่าเราเองก็เป็นผู้เดินทางเช่นกัน  เรายังไปไม่ถึงอาณาจักรสวรรค์และยังต้องพึ่งพาอาศัยความช่วยเหลือจากพระเจ้าอย่างเต็มที่

เหล้าองุ่นในพิธีศีลมหาสนิทหมายถึงอะไร? (CCC 1412)
    ในหลายๆ วัฒนธรรม เหล้าองุ่นเป็นเครื่องดื่มที่มีอยู่ปกติในมื้ออาหาร  และในตะวันออกกลางที่พระเยซูเจ้าทรงเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายก็เช่นกัน  เหล้าองุ่นเป็นเครื่องดื่มเพื่อความเบิกบานในการสังสรรค์  ในระหว่างพิธีศีลมหาสนิทเหล้าองุ่นจะได้รับการเสกและกลายเป็นพระโลหิตของพระเยซูเจ้าสำหรับเรา  ในเหล้าองุ่นเราพบการประทับอยู่จริงของพระเยซูเจ้า และด้วยการบริโภคเหล้าองุ่นที่เสกแล้ว ทำให้เรามีส่วนร่วมการถวายยัญบูชาของพระองค์ด้วยความรักเพื่อประโยชน์ของชาวโลก   บ่อยครั้งที่เลือดในพระคัมภีร์เป็นสัญลักษณ์ของการใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างพระเจ้ากับประชากรของพระองค์  พระเยซูเจ้าทรงมอบพระโลหิตของพระองค์เองให้เป็นเครื่องหมายของพันธสัญญาใหม่ระหว่างพระเจ้ากับประชากรของพระองค์

พิธีศีลมหาสนิทเป็นการถวายยัญบูชาได้อย่างไร? (CCC 1333-1334)
    สัญลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของงานเลี้ยงปัสกาก็คือ ลูกแกะปัสกา ซึ่งชาวยิวถวายเป็นเครื่องบูชาสำหรับพระเจ้า  พระเยซูเจ้าทรงกลายเป็นลูกแกะใหม่ อันเป็นเครื่องบูชาที่วิเศษสุด เพราะทรงมอบชีวิตของพระองค์เพื่อเราทุกคน  งานเลี้ยงปัสกาแสดงให้เห็นพันธสัญญาเดิม  ส่วนความตายและการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าเป็นการเริ่มพันธสัญญาใหม่อย่างเป็นทางการ
    คำว่า “ยัญบูชา” (Sacrifice) มาจากคำในภาษาลาตินหมายถึง “ทำให้ศักดิ์สิทธิ์” หรือ “ทำบางอย่างที่ศักดิ์สิทธิ์”  ความศักดิ์สิทธิ์หมายถึง การแบ่งปันชีวิต, ความเป็นอยู่และความรักของพระเจ้า มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถทำให้เราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้  จุดประสงค์ของการถวายยัญบูชาแด่พระเจ้าก็คือ การบูชาพระเจ้าและการยอมรับว่าพระเจ้าทรงเป็นบ่อเกิดชีวิตของเราอีกทั้งเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง   เรายังต้องการถวายยัญบูชาเพื่อชดเชยบาป, ขอบพระคุณสำหรับความดีงามของพระเจ้า และอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
    พระแท่นเป็นตัวแทนอย่างดีเยี่ยมทั้งเรื่องการเลี้ยงอาหารและการใช้ศีลมหาสนิทเป็นสัญลักษณ์แทนเครื่องบูชา  มันเป็นพระแท่นสำหรับการถวายยัญบูชาและเป็นโต๊ะอาหารของพระคริสตเจ้า  ยิ่งกว่านั้นพระแท่นยังเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระเยซูเจ้าเอง ซึ่งเป็นผู้รับเคราะห์เพื่อเราจะได้กลับคืนดีกับพระเจ้าและเป็นอาหารจากสวรรค์สำหรับเรา
    คาทอลิกเชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ริเริ่มพิธีศีลมหาสนิทขึ้นในงานเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย  พิธีศีลมหาสนิทแทนการถวายยัญบูชาของพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน ซึ่งเป็นเครื่องหมายสำคัญสุดที่แสดงถึงความรักของพระองค์สำหรับเรา  พระเยซูพระบุตรของพระเจ้ายังทรงเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ ผู้ทรงเป็นตัวแทนของเราเบื้องพระพักตร์พระเจ้า ผ่านทางพระเยซูเจ้ามนุษย์ทุกคนจะได้รับและตอบสนองต่อการประทานความรักของพระเจ้า  พระเยซูเจ้าทรงมอบพระองค์เองไว้ในพระหัตถ์ของพระบิดา การสละพระองค์เองอย่างเชื่อฟังทำให้พระองค์ทรงมอบชีวิตของพระองค์เพื่อมนุษยชาติ

จุดมุ่งหมายของการถวายยัญบูชาด้วยศีลมหาสนิทคืออะไร? (CCC 1356-1373; 1409-1410)
    เมื่อเราถวายยัญบูชาในพิธีมิสซา เรายังคงถูกทำให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์โดยการยอมรับและการมีชีวิตเลียนแบบพระเยซูคริสต์ผู้เป็นพี่ชายและพระผู้ไถ่ของเรา  การยอมรับความตายแบบสมัครใจของพระองค์แสดงให้เราเห็นว่าความรักคือหนทางที่นำไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์  เมื่อเราระลึกถึง, ทำการฉลอง, และพยายามใช้ชีวิตเพื่อเป็นยัญบูชาแบบพระองค์ ซึ่งเป็นหนทางแห่งความรักของพระองค์  แล้วเราก็จะกลายเป็นที่ประทับของพระเยซูเจ้าในโลกนี้

ศีลมหาสนิทได้ชื่อว่าศีลศักดิ์สิทธิ์ที่มีพระพร (the Blessed Sacrament) เพราะอะไร? (CCC1328-1330)
    ศีลมหาสนิทเป็นหัวใจของชีวิตคริสตชนคาทอลิก อีกทั้งเป็นแหล่งกำเนิด ศูนย์กลางและจุดสูงสุดของชีวิตที่ครบบริบูรณ์ของพระศาสนจักร  ศีลมหาสนิทเป็นศีลที่มีความสำคัญอันดับแรก ศีลศักดิ์สิทธิ์อื่นๆก็มาจากศีลมหาสนิท และมุ่งไปสู่ศีลมหาสนิทเช่นกัน  และเราให้ชื่อว่าศีลศักดิ์สิทธิ์ “ที่มีพระพร” (blessed)  เพราะเป็นคำหนึ่งในพระคัมภีร์ที่หมายถึง“ความมีการเป็นอยู่อย่างแท้จริงของชีวิตพระเจ้าสำหรับเรา”   ศีลศักดิ์สิทธิ์ที่มีพระพร(Blessed Sacrament) จึงเป็นชื่อที่เหมาะสมสำหรับศีลศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมอบพระคริสตเจ้าให้กับเรา

ทำไมเราจึงให้ชื่อศีลมหาสนิทว่าการเข้าร่วมอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Communion)? (CCC 1331-1332)
    การเข้าร่วม (Communion) หมายถึง “การรวมกันกับ”  การเข้าร่วมกับพระเยซูรวมเราเข้ากับพระเจ้าและกับคริสตชนทุกคน  มันช่วยให้เรามีพลังในการดำเนินชีวิตที่เปี่ยมด้วยความรักเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า  พระศาสนจักรสนับสนุนเราให้รับอาหารสำหรับความรอดพ้นเมื่อเราเข้าร่วมพิธีมิสซา  เราควรทำอย่างคู่ควรยิ่งและรู้ถึงสิ่งที่ศีลมหาสนิทเป็นอยู่  การรับอย่างคู่ควรหมายถึงการปราศจากบาปหนัก  พร้อมทั้งอดอาหารและเครื่องดื่มก่อนรับศีลมหาสนิทประมาณ 1 ชั่วโมง (ยกเว้นน้ำเปล่าและยา)
    เมื่อเรารับพระคริสตเจ้าในศีลมหาสนิทแล้ว เรากลายเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า  ชีวิตของพระองค์เข้ามาอยู่ในเราและเปลี่ยนแปลงเรา  การเข้าร่วมกับพระคริสตเจ้าคุ้มครอง, เพิ่มเติม, และรื้อฟื้นพระหรรษทานแห่งศีลล้างบาป  ศีลมหาสนิทช่วยให้วิญญาณของเราเข้มแข็ง, อภัยบาปเบา, และช่วยปกป้องเราจากบาปหนักที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
    การรับพระคริสตเจ้าในการเข้าร่วมอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ช่วยให้เราจำพระคริสตเจ้าในพี่น้องชายหรือหญิงที่เป็นผู้ยากจนที่สุดได้ และรวมเราให้ใกล้ชิดกับพี่น้องคริสตชนชายหญิงของเรามากขึ้น  เรารับพระกายของพระคริสตเจ้าเพื่อเราจะได้กลับกลายเป็นพระกายของพระองค์  ศีลมหาสนิทในฐานะที่เป็นเครื่องหมายและเป็นต้นเหตุของการรวมเป็นหนึ่งเดียว กระตุ้นให้เราให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับคริสตชนทุกคน  การรับองค์พระผู้เป็นเจ้ายังทำให้เราสามารถมีส่วนร่วมในความอุดมสมบูรณ์ฝ่ายวิญญาณของคริสตชนผู้กล้าหาญทั้งมวลที่ได้ล่วงลับไปก่อนเรา

การประทับอยู่อย่างแท้จริงมุ่งหมายสิ่งใด? (CCC 1374-1381; 1413; 1418)
    คาทอลิกเชื่อว่าพระเยซูเจ้าประทับอยู่จริงท่ามกลางกลุ่มคนที่มารวมกันเพื่อนมัสการพระเจ้า  เรายังเชื่ออีกว่าพระเยซูเจ้าประทับในพระสงฆ์ผู้ประกอบพิธีศีลมหาสนิทในพระนามของพระคริสตเจ้า และในการประกาศพระวาจาของพระเจ้า  และที่สุดเราเชื่อว่าพระเยซูเจ้าประทับอยู่อย่างพิเศษสุดในปังและเหล้าองุ่นที่ได้รับการเสกแล้ว
    แน่นอนว่า วิธีการที่พระเยซูเจ้าประทับในศีลมหาสนิทนั้นก็เป็นสิ่งลี้ลับอันเป็นรากฐานของความเชื่อที่คริสตชนยังคงไตร่ตรองต่อไป  พระศาสนจักรใช้คำว่า “การเปลี่ยนสาร”(transubstantiation)  เพื่อแสดงว่า เมื่อมีการเสกปังและเหล้าองุ่นในพิธีมิสซา ทั้งปังและเหล้าองุ่นได้เปลี่ยนเป็นพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า  จากที่กล่าวมานี้เราไม่ได้หมายถึงร่างกายที่เป็นตัวตนของพระเยซูเจ้าชาวนาซาเร็ธบุคคลในประวัติศาสตร์ แต่เป็นความจริงอันลึกซึ้งยิ่งกว่า  นั่นคือเป็นพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ที่มีพระกายและพระโลหิตอันน่าสรรเสริญและพระเทวภาพแห่งพระบุคคลที่สองในพระตรีเอกภาพ  การรับการประทับอยู่จริงในปังหรือเหล้าองุ่นที่เสกแล้วเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็เป็นการรับพระคริสต์ครบทั้งองค์  เพราะพระองค์ประทับอยู่อย่างสมบูรณ์ในทั้งสองสิ่ง
    การประทับอยู่ขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราในปังและเหล้าองุ่นที่ได้รับการเสกแล้วมีอยู่ถาวร  ในโบสถ์คาทอลิกศีลมหาสนิทจะถูกเก็บรักษาไว้ในตู้ศีล ในกล่องหรือตู้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจะถูกติดไว้ในวัดน้อย ที่ปกติตั้งอยู่ด้านข้างเพื่อเป็นสถานที่สำหรับเฝ้าศีล หรือไม่ก็ติดไว้บริเวณพระแท่นเล็กที่อยู่ด้านข้าง  การเฝ้าศีลเป็นการภาวนารูปแบบหนึ่งที่คาทอลิกหลายคนได้พบอาหารบำรุงวิญญาณที่ดีเลิศ โดยใช้การภาวนาและการไตร่ตรองถึงการประทับอยู่ในศีลมหาสนิทที่ถูกเก็บไว้ ณ ที่นั้น

คำว่า ”มิสซา” หมายถึงอะไร? (CCC1232)
    คำว่า “มิสซา” หรือ Massมาจากคำในภาษาลาตินซึ่งถูกนำมาใช้กล่าวในช่วงการส่งออกไปว่า “Ite missa est” ซึ่งหมายถึง “ไป! ท่านถูกส่งไป” คำนี้เตือนเราถึงหน้าที่ที่จะต้องรักและรับใช้องค์พระเป็นเจ้าซึ่งอยู่ในเพื่อนมนุษย์ทุกคนที่เราได้พบ  เมื่อเรา  “หักปัง” ในพระนามของพระเยซูเจ้า เรากำลังร่วมฉลองการเข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับคนอื่นๆ และกำลังรับแหล่งกำเนิดชีวิตของเรานั่นคือพระเยซูเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า  ในมื้ออาหารศักดิ์สิทธิ์นี้ พระองค์ทรงเตือนเราให้นำพระองค์ออกไปในโลกที่กำลังต้องการความรักของพระองค์อย่างที่สุด

พิธีศีลมหาสนิทเป็นจารีตหนึ่งได้อย่างไร? (CCC 1099; 1324-1327)
    พิธีมิสซาเป็นจารีตทางศาสนาอย่างหนึ่งเหมือนพิธีกรรมอื่นๆ และเป็นการรื้อฟื้นพันธสัญญาใหม่นั่นก็คือพระเยซูคริสตเจ้า  ซึ่งทำให้เราสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ที่เราเฉลิมฉลอง  จารีตเกี่ยวกับพิธีศีลมหาสนิทเป็นอนุสรณ์ที่ถูกออกแบบไว้ระลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำเพื่อความรอดพ้นของเรา  อนุสรณ์นี้กระทำ 3 สิ่ง คือ (1) มันเฉลิมฉลอง รื้อฟื้น และเป็นระลึกถึงการไถ่บาปของเราในอดีตนั่นคือชีวิต, ความตาย, และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า; (2) มันเฉลิมฉลองธรรมล้ำลึกปัสกาที่เปิดเผยออกมาในช่วงเวลาของเรา; และ(3) มันให้ความสนใจกับอนาคตของพระศาสนจักรและการมีชีวิตร่วมกับองค์พระผู้เป็นเจ้าในงานเลี้ยงนิรันดรบนสวรรค์

ขั้นตอนในพิธีมิสซามีอะไรบ้าง? (CCC 1345-1355; 1408)
    พิธีมิสซาประกอบด้วย พิธีการเกริ่นนำ ภาควจนพิธีกรรม ภาคบูชาขอบพระคุณ และพิธีการปิด   ในภาควจนพิธีกรรม เราฟังพระวาจาของพระเจ้าที่ถูกประกาศในการอ่านพระคัมภีร์และได้รับอาหารบำรุงฝ่ายวิญญาณจากพระวาจาที่ได้ฟัง  เราถูกเรียกร้องให้นำพระวาจามาเป็นส่วนของชีวิตเราและเชื่อฟังพระวาจา  ในภาคบูชาขอบพระคุณ เราทำตามพระวาจาอย่างเที่ยงตรงโดยการถวายคำสรรเสริญและแสดงความขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับชีวิต, ความตาย, และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า เรามีส่วนร่วมอย่างสมบูรณ์ในพิธีบูชาขอบพระคุณเมื่อเราเข้าไปรับพระองค์ในศีลมหาสนิท

พิธีเกริ่นนำ
•    การแห่เข้า: พิธิมิสซาเริ่มต้นด้วยขบวนแห่ พร้อมกับเพลงเริ่มพิธีที่เหมาะสม
•    การทักทาย: พระสงฆ์และสัตบุรุษทำเครื่องหมายมหากางเขน พระสงฆ์กล่าวทักทายสัตบุรุษและทุกคนตอบรับ
•    การสารภาพบาป: พระสงฆ์และสัตบุรุษยอมรับความบาปของตนและวอนขอการอภัยจากพระเจ้า
•    บทพระสิริรุ่งโรจน์: เพลงพระสิริรุ่งโรจน์จะถูกขับร้องเพื่อสรรเสริญและยอมรับในความดีงามของพระเป็นเจ้า
•    บทภาวนาของประธาน: พระสงฆ์กล่าวบทภาวนาเพื่อชักนำให้บรรดาสัตบุรุษเป็นหนึ่งเดียวกันและช่วยเตรียมพวกเขาให้พร้อมสำหรับคารวะกิจ

ภาควจนพิธีกรรม
•    บทอ่าน: บทอ่านที่หนึ่งตามปกติจะนำมาจากพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม บทอ่านที่สองมาจากพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ และบทอ่านที่สามมาจากหนึ่งในพระวรสาร โคลงกลอนที่เป็นบทเพลงสดุดีจะถูกอ่านระหว่างบทอ่านทั้งสองบท และบทอัลเลลูยาจะใช้ร้องก่อนการอ่านพระวรสาร
•    การเทศน์: ประธานในพิธี หรือสังฆานุกรจะเป็นผู้เทศน์เกี่ยวกับบทอ่าน เพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
•    การประกาศความเชื่อ: บรรดาสัตบุรุษตอบรับความเชื่อเดียวกันของพวกเขาพร้อมกัน
•    บทภาวนาเพื่อมวลชน:  คำอ้อนวอนของชุมชนเพื่อความต้องการของพระศาสนจักร, โลก, ผู้มีอำนาจทางสังคม, บุคคล, และชุมชนท้องถิ่นถูกนำเสนอ

ภาคบูชาขอบพระคุณ
•    การเตรียมพระแท่นและเครื่องบูชา: เครื่องบูชาในพิธีคือปังและเหล้าองุ่นถูกนำมายังพระแท่นที่ถูกจัดไว้โดยขบวนแห่ ต่อจากนั้นมีการภาวนาเหนือเครื่องบูชา
•    บทขอบพระคุณ:  บทขอบพระคุณประกอบด้วย คำพูดของพระเยซูเจ้าที่ทรงกล่าวในงานเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย, การประกาศพระธรรมล้ำลึกแห่งความเชื่อ, และบทยอพระเกียรติท้ายบทหรือคำภาวนาสรรเสริญพระตรีเอกภาพ   บทขอบพระคุณมีหลากหลายให้เลือกใช้สำหรับโอกาสต่างๆ
•    การรับศีลมหาสนิท: ในขั้นตอนนี้ของพิธีมิสซา ประกอบด้วย บทข้าแต่พระบิดา  บทภาวนาวอนขอการช่วยให้รอดพ้น  บทภาวนาเพื่อสันติสุข (หลังบทภาวนานี้ มีการมอบสันติสุขให้แก่กันด้วยเครื่องหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง) และการบิปังในขณะที่มีการขับบทเพลงหรือท่องบท “ลูกแกะพระเจ้า”  หลังการรับศีลมหาสนิท พระสงฆ์ภาวนาวอนขอในนามของชุมชน
•    ปิดพิธี:  พิธีมิสซาจบด้วยการอวยพรปิดพิธีอย่างสง่า และการส่งออกเพื่อส่งผู้ร่วมพิธีออกไปทำหน้าที่ประกาศพระวรสารต่อไป

ในวันอาทิตย์เรามีภาระหน้าที่อะไร? (CCC 1382-1390; 1415; 1417)
    ในยุคแรกของพระศาสนจักร การฉลองพิธีศีลมหาสนิทเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าเป็นสิทธิพิเศษสุด และเป็นส่วนสำคัญของการเป็นคริสตชน แต่ในเวลาต่อมาพระศาสนจักรต้องออกกฎข้อหนึ่งเพื่อเตือนคาทอลิกทุกคนถึงภาระหน้าที่ในการนมัสการสรรเสริญพระคริสตเจ้าในศีลมหาสนิททุกอาทิตย์   การเข้าร่วมพิธีมิสซาอาทิตย์ละครั้งในวันอาทิตย์หรือวันเสาร์เย็นจึงเป็นที่เข้าใจกันอีกครั้งว่าคือรากฐานของชีวิตคาทอลิก   ในการไปร่วมพิธีมิสซา ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับความยากลำบากหรือไปอย่างง่ายๆ เราต้องไม่รู้สึกว่าเป็นการไปแสดงความรักต่อพระเจ้าและผู้เดินทางแสวงบุญร่วมกับเรา   เราต้องไปเพื่อเข้าร่วมและประกาศอย่างเป็นทางการว่าเราต้องการนมัสการและขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับของขวัญดีๆทั้งหมดที่พระองค์มอบให้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรอดพ้นของเราโดยอาศัยพระเยซูเจ้าบุตรของพระองค์
    เมื่อเรานึกถึงความหมายของพิธีกรรม (liturgy) ซึ่งก็คือ “งานเพื่อชุมชน”  เราพบว่าพระเยซูเจ้าเองตรัสกับเราว่าในการติดตามพระองค์เราต้องพยายามขึ้นอีกเพื่อให้ถึงจุดหมาย, ก้าวมาข้างหน้าและไม่ทำแบบธรรมดา  ชีวิตคริสตชนยังเป็นชีวิตที่อยู่แบบชุมชนหมายความว่า เราต้องช่วยเหลือกัน ให้กำลังใจและรักกัน   ที่ยิ่งกว่าสิ่งใดคือเราต้องการพระเจ้า  เราต้องการพระวาจาของพระเจ้าเพื่อบำรุงเลี้ยงและกระตุ้นเรา  เราต้องการพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเราและทำให้เราคล้ายกับพระองค์