แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

พระธรรมล้ำลึกแห่งการสร้างของพระเป็นเจ้า
    ความมหัศจรรย์ของผีเสื้อราชินีเป็นเพียงหนึ่งในล้านของสิ่งมหัศจรรย์ที่ทำให้เราต้องหวนคิดถึงพระผู้สร้าง และผลงานการสร้างของพระองค์  พระคัมภีร์ไบเบิลเริ่มเรื่องการสร้างด้วยถ้อยคำที่แสดงความยิ่งใหญ่ได้อย่างน่าประทับใจว่า  “เมื่อแรกเริ่มนั้น พระเป็นเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน” (ปฐก 1: 1) การสร้างของพระเป็นเจ้านั้นเป็นการเริ่มต้นแผนการช่วยให้รอดพ้นของพระองค์ นั่นคือเป็นจุดเริ่มต้นแท้จริงของประวัติศาสตร์แห่งการช่วยให้รอดพ้นที่บรรลุผลสำเร็จในองค์พระคริสตเจ้า  นักบุญยอห์นสอนว่า การช่วยให้รอดพ้นของพระคริสตเจ้านั้นเป็นการเริ่มต้นการสร้างใหม่ และท่านใช้ถ้อยคำแรกในพระวรสารของท่านเช่นเดียวกับในหนังสือปฐมกาล ว่า “เมื่อแรกเริ่มนั้น...” (ยน 1:1)

    คำถามที่เร้าความต้องการอยากรู้ของมนุษย์เราซึ่งทำให้เรานำมำถามกันได้ในหลายๆโอกาส ก็คือ ฉันมาจากไหน?  ฉันกำลังจะไปที่ไหน?  โลกนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร?  วิทยาศาสตร์ธรรมชาติได้พยายามค้นคว้าอย่างกว้างขวางเพื่อจะรู้ความจริงเกี่ยวกับต้นกำเนิดของมนุษย์, พัฒนาการของโลกและของจักรวาลเอง  พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่สองได้ตรัสไว้ว่า พระศาสนจักรยอมรับคุณค่าของทฤษฎีวิวัฒนาการบางทฤษฎี  ขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงยืนยันความเชื่อของเราที่ว่าพระเป็นเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้างโลกมนุษย์ และกระบวนการพัฒนาโลกนี้  ทั้งยังทรงเป็นพระผู้สร้างวิญญาณมนุษย์  เราขอแนะนำให้คุณอ่านและศึกษาหนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก( ข้อ 283-285) ที่ประกอบด้วยการวิเคราะห์ถึงความแตกต่างระหว่างวิธีการทั้งหลายทางวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ, ทางปรัชญาและทางศาสนาในการจัดการปัญหาที่เกี่ยวกับต้นกำเนิดและความหมายของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น 
    ข้อความที่สำคัญที่สุดในพระคัมภีร์ซึ่งเกี่ยวกับการสร้างของพระเป็นเจ้านั้น มีอยู่ในสามบทแรกของหนังสือปฐมกาล  และในบทเหล่านี้ เราพบใจความสำคัญมากๆเรื่องการสร้างที่เราควรให้ความสนใจคือ “ต้นกำเนิดและจุดหมายปลายทางของสิ่งสร้างในพระเป็นเจ้า, แบบแผนและความดีของสิ่งสร้าง, กระแสเรียกของมนุษย์ และสุดท้ายคือ โศกนาฏกรรมแห่งบาป และความหวังที่จะได้รับความรอดพ้น” (CCC 289)  เราควรอ่านถ้อยคำเหล่านี้โดยอาศัยความเข้าใจพระคัมภีร์ทั้งเล่มและความเข้าใจคริสตธรรมที่สืบทอดกันมาอย่างเจริญยิ่งขึ้นของพระศาสนจักร
    ในบทต่อไป เราจะพิจารณาเรื่อง การสร้างมนุษย์ตามพระฉายาลักษณ์ของพระเป็นเจ้า และการกระทำบาปอันทำให้มนุษย์ต้องเหินห่างจากพระเป็นเจ้า  แต่ตอนนี้เราควรจะสรุปความคำสอนเรื่องการสร้างของพระเป็นเจ้าเป็น 5 ข้อ ดังนี้
1. ความรักและพระปรีชาญาณเป็นเหตุให้พระเป็นเจ้าใช้ความสามารถในการสร้างสรรค์ของพระองค์   เราขอตอบผู้ที่มักจะกล่าวว่าโลกนั้นเป็นเพียงผลผลิตจากความบังเอิญ หรือจากชะตากรรมอันบอดสนิท ด้วยความเชื่อของเราซึ่งบอกให้รู้ว่าพระเป็นเจ้าทรงสร้างสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ขึ้นมา เพราะพระองค์ทรงรักเรา   การสร้างไม่ได้เป็นการกระทำโดยปราศจากการคิดอย่างจริงจัง  แต่เป็นผลผลิตของพระผู้สร้างผู้ทรงรอบรู้   มีใครบ้างที่สังเกตเห็นความงดงามของผีเสื้อราชินี และความซับซ้อนของการกำเนิดพร้อมกับพฤติกรรมของมัน แล้วจะไม่เปล่งเสียงร้องออกมาเป็นบทเพลง?  “ข้าแต่พระเป็นเจ้า พระราชกิจของพระองค์ช่างมีมากเหลือล้น  พระองค์ทรงกระทำทุกอย่างด้วยพระปรีชาญาณ ทรงสร้างสรรพสิ่งเต็มแผ่นดิน” (สดด 104:24)   แม้เราจะถือว่าการสร้างเป็นงานของพระบิดา เราก็ยังยืนยันว่า ความเชื่อเรื่องพระบิดา, พระบุตรและพระจิตทรงงานร่วมกันเป็นความคิดพื้นฐานของการสร้าง
2. พระเป็นเจ้าได้ทรงสร้างโลกจากความว่างเปล่า และตรัสว่า “สิ่งสร้างนั้นดี”  ถ้าคุณต้องการทำพุดดิ้งขนมปัง  คุณต้องใช้วัสดุที่มีอยู่หลายอย่าง คือ ไข่, ครีม, น้ำตาล, ขนมปัง, อบเชย, ผงมะนาว และเปลือกส้ม  พระเป็นเจ้ามิได้มีวัสดุใดๆเลย พระองค์ทรงสร้างจากความว่างเปล่า  ในปัจจุบันคำสอนนี้ก็ยังใช้ได้กับการประทานชีวิตฝ่ายจิตโดยพระจิตให้กับบรรดาคนบาป ด้วยการสร้างหัวใจที่บริสุทธิ์ในพวกเขา  ความสามารถในการสร้างสรรค์ของพระจิตจะปรากฏเมื่อมีการประทานชีวิตฝ่ายกายให้ในการกลับเป็นขึ้นมาจากความตาย  เราเห็นความสามารถนี้ของพระจิตอยู่ทุกวันเมื่อพระจิตทรงสร้างแสงสว่างแห่งความเชื่อขึ้นในบุคคลที่ยังไม่รู้จักพระเป็นเจ้า  ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากการสร้างเกิดขึ้นจากความดีของพระเป็นเจ้า  การสร้างก็มีส่วนร่วมในความดีของพระองค์ด้วย  เราจึงได้ยินบ่อยๆในหนังสือปฐมกาลว่า “แล้วพระเป็นเจ้าทรงเห็นว่าดี” (RSV ปฐก 1:4)
3.แผนการศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นเจ้าครอบคลุมถึงพระญาณที่อาทรของพระองค์ การสร้างของพระเป็นเจ้านั้นไม่ได้เกิดขึ้นในลักษณะที่ดีเลิศ  แต่อยู่ในกระบวนการที่มุ่งไปสู่การบรรลุผลสำเร็จแท้จริงของการสร้าง  พระเป็นเจ้ายังทรงประทับอยู่กับสิ่งสร้าง และร่วมเดินทางเผชิญกับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งสร้าง  พระเป็นเจ้าทรงเอาพระทัยใส่ดูแลทั้งโลก  และทุกสิ่งรวมถึงทุกคนในโลก  พระเป็นเจ้าทรงประทับอยู่ภายในกระบวนการนั้น   พระญาณที่อาทรของพระเป็นเจ้าเป็นชื่อที่เราใช้เรียกการจัดการต่างๆของพระเป็นเจ้า เพื่อทรงนำทางสิ่งสร้างของพระองค์ไปสู่จุดหมายที่กำหนดไว้ให้แล้ว   พระเยซูเจ้าได้ทรงสอนความจริงข้อนี้ในบทเทศน์ของพระองค์เกี่ยวกับดอกไม้ในทุ่งนาที่มีความงดงาม เพราะพระเป็นเจ้าทรงเอาพระทัยใส่ (เทียบ มธ 6: 29-30)   ถ้าพระเป็นเจ้ายังทรงเอาพระทัยใส่ดอกไม้ในทุ่งนาซึ่งมีชีวิตอยู่วันนี้ และพรุ่งนี้ก็จะเหี่ยวแห้งไป  แล้วพระองค์จะไม่ทรงเอาพระทัยใส่เราผู้ซึ่งพระองค์ทรงเรียกให้มามีชีวิตศักดิ์สิทธิ์มากกว่านั้นหรือ?  เราสามารถมีส่วนในงานของพระเป็นเจ้าอันเกี่ยวกับการดูแลสิ่งสร้างของพระองค์ได้ ด้วยการเอาตัวเราเข้าไปร่วมกับงานนี้ โดยอาศัยการกระทำ, การสวดภาวนาและพละกำลังของเรา พร้อมกับการขอพระหรรษทานเพื่อจะกระทำสิ่งเหล่านี้ด้วย
4. พระญาณที่อาทรของพระเป็นเจ้ากับปัญหาเรื่องความชั่วร้าย   ทำไมจึงมีความชั่วร้ายในเมื่อพระเป็นเจ้าได้ทรงสร้างโลกที่ดีและมีระเบียบ พร้อมทั้งยังทรงเอาพระทัยใส่ดูแลเพื่อเรา?  ไม่มีคำตอบที่ง่ายและสันกะทัดรัดสำหรับคำตอบนี้  ชีวิตที่ประกอบด้วยความเชื่อของเราให้คำตอบส่วนหนึ่งแก่ปัญหาเรื่องความชั่วร้าย  ในความมีอิสระของมนุษย์พวกเขาได้กระทำบาป และเป็นเหตุให้เกิดความชั่วร้าย ซึ่งบางครั้งก็เป็นความชั่วร้ายอย่างมหันต์  พระเป็นเจ้าไม่เคยทรงกระทำให้เกิดความชั่วร้ายทางศีลธรรม แต่ทรงอนุญาตให้เกิดขึ้น  พระเป็นเจ้าทรงสามารถนำเอาความดีออกมาจากความชั่วร้าย  เรื่องราวของโยเซฟในหนังสือปฐมกาลเป็นบทเรียนสอนเรื่องนี้แก่เรา (ปฐก 45:8; 50:20)   สังเกตดูส่วนประกอบสำคัญ 8 ประการของชีวิตความเชื่อซึ่งถูกระบุไว้ในหนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ 309  จงหวนคิดถึงส่วนประกอบสำคัญเหล่านี้เสมอเมื่อไตร่ตรองปัญหาเรื่องความชั่วร้าย  ความเชื่อเรียกร้องเราให้เชื่อมั่นว่าพระเป็นเจ้าทรงเป็นเจ้านายโลกและประวัติศาสตร์ของโลก   แม้เราจะมีความเชื่อ เรายังต้องสำนึกว่าความรู้ของเราบนแผ่นดินนี้เป็นเพียงบางส่วนเสมอ  ยกเว้นเมื่อได้พบกับพระเป็นเจ้าแบบอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์เท่านั้นที่เราจะเข้าใจอย่างที่สุดถึงวิถีทางแห่งพระญาณที่อาทร ซึ่งจัดการให้สิ่งสร้างไปสู่การพักผ่อนแห่งวันสับบาโตสิ่งนั้น
5. พระเป็นเจ้าได้ทรงสร้างทูตสวรรค์ ความจริงแห่งความเชื่อประการหนึ่งคือพระเป็นเจ้าทรงสร้างทูตสวรรค์ ทูตสวรรค์เป็นจิตมีหน้าที่รับใช้และเป็นผู้ส่งสารของพระเป็นเจ้า เรื่องราวที่เกี่ยวกับการกระทำของทูตสวรรค์นั้นเป็นสิ่งที่เราสามารถพบได้ตลอดในพระคัมภีร์ไบเบิล  ตั้งแต่หนังสือปฐมกาลจนถึงหนังสือวิวรณ์  ทูตสวรรค์องค์หนึ่งแจ้งสารเรื่องการเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเป็นเจ้าแก่พระนางมารีย์  บรรดาทูตสวรรค์มาให้กำลังใจพระเยซูเจ้าหลังจากทรงถูกทดลองในถิ่นทุรกันดาร และหลังจากทรงทนทุกข์ทรมานอยู่ในสวน  ทูตสวรรค์ทั้งหลายร้องเพลงในยามที่พระคริสตเจ้าทรงบังเกิด  และแจ้งเรื่องการกลับคืนพระชนมชีพแก่บรรดาสตรีที่มายังหลุมฝังศพในเช้าวันปัสกาเป็นพวกแรก   ในทุกพิธีบูชาขอบพระคุณ เราขอให้บรรดาทูตสวรรค์ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระตรีเอกภาพ  พิธีกรรมของเราก็สรรเสริญการดำรงอยู่ของท่านอารักขเทวดาและการคุ้มครองที่เราแต่ละคนได้รับจากท่านอารักขเทวดาประจำตัว   หนังสือเล่มสุดท้ายในพระคัมภีร์กล่าวว่า  บรรดาทูตสวรรค์จะประกาศการเสด็จกลับมาของพระคริสตเจ้าและรับใช้ในการพิพากษาตัดสินของพระองค์

การไตร่ตรองจากหนังสือคำสอน
1. พระเป็นเจ้าทรงให้การสร้างของพระองค์เป็นพยานถึงสิ่งใด?
“ในการสร้างโลก และมนุษย์ พระเป็นเจ้าได้ประทานหลักฐานแรกที่สากลเพื่อแสดงถึงความรักอันทรงสรรพานุภาพของพระองค์ ตลอดจนพระปรีชาญาณของพระองค์  เป็นการประกาศครั้งแรกถึง “แผนการอันเอื้ออารี” ของพระองค์ ซึ่งมีจุดหมายอยู่ที่การสร้างครั้งใหม่ในพระคริสตเจ้า” (CCC 315)  พระเป็นเจ้าผู้เดียวได้ทรงสร้างจักรวาลอย่างอิสระ, โดยตรง และโดยปราศจากความช่วยเหลือแต่อย่างใด” (CCC 317)
2. อะไรคือสิ่งที่เชื่อมต่อระหว่างการสร้างกับพระสิริมงคลของพระเป็นเจ้า?
“พระเป็นเจ้าได้ทรงสร้างโลกเพื่อแสดงพระสิริ  และให้ความรู้เกี่ยวกับพระสิริของพระองค์  การที่สรรพสิ่งที่มีชีวิตของพระองค์จะได้มีส่วนในความจริง ความดี และความงามของพระองค์นี้ จึงเป็นสิริมงคลซึ่งพระเป็นเจ้าทรงประสงค์จะมอบให้แก่สิ่งมีชีวิตที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา” (CCC 319)  รวมถึงทูตสวรรค์ทั้งหลายในฐานะ “สิ่งมีชีวิตที่เป็นจิต ผู้ซึ่งสรรเสริญสดุดีพระเป็นเจ้าอยู่ตลอดเวลา และเป็นผู้รับใช้แผนการช่วยให้รอดของพระเป็นเจ้าเพื่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ...” (CCC 350)
3. “พระญาณที่อาทร” ของพระเป็นเจ้าหมายถึงอะไร?
“พระเป็นเจ้าได้ทรงสร้างจักรวาล และธำรงรักษาจักรวาลให้ดำรงอยู่ โดยอาศัยพระวจนาตถ์ ซึ่งเป็นพระบุตร “ผู้ทรงค้ำจุนจักรวาลไว้ด้วยพระวาจาอันทรงอานุภาพของพระองค์” (ฮบ 1:3) และโดยอาศัยพระจิตนักสร้างสรรค์ผู้ประทานชีวิต” (CCC 320)