ทำไมเราจึงเชื่อในการกลับคืนชีพของผู้ตาย
jesus resurrection easter    เราเชื่อในการกลับคืนชีพของผู้ตาย  เพราะพระคริสตเจ้าทรงกลับเป็นขึ้นมาจากความตาย มีชีวิตนิรันดร อันเป็นเหตุให้เรามีส่วนร่วมในชีวิตนิรันดรนี้ (988-991)
    เมื่อผู้ใดผู้หนึ่งสิ้นชีวิต ร่างกายของเขาจะถูกฝังหรือเผา กระนั้นก็ดี เราเชื่อว่ามีชีวิตหลังความตายสำหรับบุคคลนั้น ในการกลับคืนพระชนมชีพ พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเหนือความตาย พระวาจาของพระองค์เชื่อถือได้ “เราเป็นการกลับคืนชีพและเป็นชีวิต ใครเชื่อในเรา แม้ตายไปแล้วก็จะมีชีวิต” (ยน 11 : 25ข) -> 103-108

“เพราะเหตุใดบางท่านจึงพูดว่าบรรดาผู้ตายจะไม่กลับคืนชีพเล่า ถ้าผู้ตายไม่กลับคืนชีพ พระคริสตเจ้าก็มิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าพระคริสตเจ้ามิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ การเทศน์สอนของเราก็ไร้ประโยชน์และความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกัน...ถ้าเรามีความหวังในพระคริสตเจ้าเพียงเพื่อชีวิตนี้เท่านั้น เราก็มนุษย์ที่น่าสงสารที่สุด ความจริง พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เป็นผลแรกของบรรดาผู้ล่วงหลับไปแล้ว” (1 คร 15 : 12ข-14, 19-20)

ทำไมเราจึงเชื่อในการกลับคืนชีพของ “ร่างกาย”
    พระเจ้าทรงรับ “เนื้อหนัง” ในองค์พระเยซูคริสตเจ้า (การบังเกิดเป็นมนุษย์) เพื่อไถ่กู้มนุษยชาติในพระคัมภีร์ คำว่า “เนื้อหนัง” แสดงลักษณะของมนุษย์ที่มีความอ่อนแอและตายได้ อย่างไรก็ตามพระเจ้ามิได้ทรงคิดว่าเนื้อหนังมนุษย์เป็นสิ่งต่ำต้อย พระเจ้ามิได้ทรงไถ่กู้เฉพาะจิตใจของมนุษย์เท่านั้น แต่พระองค์ทรงไถ่กู้มนุษย์ทั้งร่างกายและวิญญาณ (988-991, 997-1001, 1015)
    พระเจ้าทรงสร้างเราให้มีร่างกาย (เนื้อหนัง) และวิญญาณ เมื่อเวลาสิ้นโลก พระองค์มิได้ทรงทิ้ง “เนื้อหนัง” เหมือนเป็นของเล่นเก่าชิ้นหนึ่ง ใน “วันสุดท้าย” พระองค์จะทรงสร้างสรรพสิ่งขึ้นใหม่ และจะทรงปลุกเราขึ้นในเนื้อหนัง ซึ่งหมายความว่า เราจะแปรเปลี่ยนแต่ยังคงเป็นตัวเราเองในร่างของเรา พระเยซูเจ้าก็เช่นเดียวกัน การรับเอาเนื้อหนังมิใช่แค่ช่วงระยะขั้นตอนหนึ่ง เมื่อพระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนมชีพ พระองค์ทรงปรากฏมาและบรรดาศิษย์ได้เห็นรอยแผลบนพระวรกายของพระองค์
“พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ และเสด็จมาประทับอยู่ในหมู่เรา” (ยน 1 : 14ก)