จงนับถือบิดามารดา
    ในพระบัญญัติของพระเจ้าประการที่ 4 ถึงประการที่ 10 เป็นเรื่องราวของแนวทางการปฏิบัติตนของเราในการอยู่กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ว่าด้วยเรื่องสิ่งที่ต้องปฏิบัติและละเว้น เพื่อทำไห้การอยู่ร่วมกันในโลกนี้มีความสุขที่แท้จริง
พระบัญญัติประการที่ 4 ที่บอกว่า “จงนับถือบิดามารดา” เป็นเสมือนแม่บทของการดำเนินชีวิตที่จะต้องมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น    เรามาดูความหมายที่แฝงไว้ว่าพระบัญญัติประการนี้สั่งให้เราทำอะไร และห้ามเราทำอะไร
    แน่นอนว่าจงนับถือบิดามารดาเป็นการสั่งให้รักเคารพเชื่อฟังและดูแลบิดามารดาของตน ส่วนการห้ามนั้นได้แก่ การห้ามการกระทำใดๆ ที่เป็นสิ่งตรงกันข้ามกับการสั่งให้ทำนั่นเอง
    สำหรับสาเหตุของการที่ต้องปฏิบัติตามพระบัญญัติข้อนี้เพราะว่าบิดามารดาเป็นผู้มีพระคุณ เป็นผู้ให้กำเนิดเรา เป็นผู้ดูแลเลี้ยงดูเรามาตังแต่อยู่ในครรภ์มารดา จนเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่และรับผดชอบตัวเองได้ และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ บิดามารดายังเป็นผู้แทนของพระเจ้าอีกด้วย
ในพระบัญญัติข้อนี้ มีสิ่งที่จะต้องเข้าใจเพิ่มเตอมอีกหลายประการ เช่น
1.  คำว่าบิดามารดา ในที่นี้มิได้มีความหมายเพียงแค่บิดาและมารดาผู้ให้กำเนินเรามาเท่านั้น หากแต่ยังหมายถึงผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพี่ ป้า น้า อา ปู่ย่า ตายาย ครูอาจารย์ รวมไปถึงผู้ปกครองของเราทั้งฝ่ายกายและวิญญาณ (บรรดาพระสงฆ์-นักบวช)    อีกทั้งผู้ปกครองบ้านเมือง (รัฐบาล) ด้วยเหมือนกัน เรียกว่าครอบคลุมและกินความครบถ้วนเลยก็ว่าได้
2. ความหมายของพระบัญญัติในข้อนี้ นอกจากจะพูดถึงหน้าที่ของบุตรที่จะต้องมีต่อบิดามารดาและผู้อื่นตามนัยในข้อที่ 1 แล้ว    ในทางกลับกันยังหมายถึงหน้าที่ของบิดามารดาและผู้อื่นตามข้อที่ 1 ที่จะต้องมีต่อบุตรของตนด้วย ซึ่งจะกล่าวในรายละเอียดต่อไป
3. นอกจากนั้น พระบัญญัติประการที่ 4 ยังหมายถึงหน้าที่ ที่จะต้องมีต่อปิตุภูมิหรือบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง และต่อเพื่อนมนุษย์ด้วย
ต่อไปนี้เป็นสรุปหน้าที่สำคัญๆ ที่จะต้องปฏิบัติต่อกันและกัน
1. หน้าที่ของบุตรต่อบิดามารดา    ดังที่ได้กล่าวไปบ้างแล้วว่า บุตรมีหน้าที่ที่จะต้องให้ความเคารพ นับถือ ต้องรักบิดามารดาของตน ต้องแสดงออกด้วยการกตัญญูรู้คุณ ตอบแทนพระคุณของท่าน ต้องมีความนบนอบเชื่อฟัง ไม่ทำให้ท่านเสียใจ ต้องดูแลเอาใจใส่เมื่อท่านเจ็บไข้ได้ป่วย หรือ เป็นทุกข์ หรือ ยามท่านสูงอายุ
นอกจากนั้น นอกเหนือจากบิดามารดาแล้วเรายังต้องเคารพปู่ ย่า ตา ยาย พี่ป้า น้าอา และผู้มีพระคุณต่อเราทุกคนด้วยเหมือนกัน
น่าเสียดายที่ในปัจจุบัน การให้ความเคารพต่อบิดามารดาและผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมของเราลดน้อยถอยลงไปเป็นอย่างมาก มีการละเมิดต่อผู้มีพระคุณในลักษณะต่างๆ มากมาย
2. หน้าที่บิดา-มารดาที่ต้องมีต่อบุตร    ในเวลาเดียวกันพระบัญญัติประการที่ 4 นี้ก็สั่งให้ผู้ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่โดยเฉพาะบิดามารดา ต้องดูแลเอาใจใส่บุตรหลานของตนเองอย่างดีด้วยเช่นกัน ซึ่งหน้าที่ที่ต้องกระทำคือ...
ต้องดูแลให้บุตรหลานของตนเองเป็นคริสตชนที่ดี    มีความเชื่อความศรัทธาในพระเจ้าด้วยการให้บุตรหลานได้รับศีลล้างบาป เป็นคริสตชนที่สมบูรณ์ อีกทั้งยังต้องอบรมฝึกสอนและปลูกฝังความเชื่อความศรัทธา ให้เขารู้จักปฏิบัติศาสนกิจอย่างดีมีความหมาย นอกจากนี้ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เขาในทุกๆ เรื่อง
ต้องเลี้ยงดูเขาให้เจริญเติบโตขึ้นมายอย่างดีด้วยการรักษาสุขภาพอนามัย มีอาหารรับประทาน มีเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแก่ชีวิตของเขาอย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีการกระทำผิดเรื่องนี้มากขึ้น เราจะเห็นได้จากการไม่ดูแลเอาใจใส่บุตรหลานของตนเอง ทิ้งให้เด็กๆ อยู่กันตามยถากรรมขาดการอบรมสั่งสอน ทำให้เด็กๆ เติบโตท่ามกลางความเลวร้ายของสังคมและเสียไปในที่สุด
3. หน้าที่ของเราต่อประเทศชาติ    พระบัญญัติประการนี้สั่งให้เราเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติของตน ด้วยการไม่กระทำผิดกฎหมายบ้านเมืองใดๆโดยให้ความเคารพต่อรัฐบาลและข้าราชการ    ในประเด็นนี้มีข้อแนะนำว่า ถ้าพวกรัฐบาลหรือข้าราชการที่ไม่ดีที่อยุติธรม เราก็ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม แต่ต้องระวังว่าต้องพิสูจน์ได้จริงๆ ว่าเขาไม่ดีจริงๆมิใช่ใช้เพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น
นอกจากนี้การกระทำผิดกฎหมายบ้านเมืองใดๆ ก็ตามต่อหน้าพระศาสนจักรก็คือ เป็นความผิดด้วยเหมือนกัน    นอกจากกฎหมายนั้นๆ จะขัดต่อพระบัญญัติของพระศาสนจักรเราก็ไม่ต้องปฏิบัติ เช่น การทำแท้ง
ดังนั้น คริสตชนที่ดีจะต้องเสียภาษีอย่างถูกต้อง ต้องปกป้องประเทศชาติด้วยชีวิต ต้องใช้สิทธิใช้เสียงของตนในการเป็นพลเมืองที่ดีอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นที่น่าเสียดายเหมือนกันที่มีคริสตชนจำนวนไม่น้อยกระทำผิดในเรื่องนี้ เช่น การซื้อสิทธิ์ขายเสียง
4. ต่อเพื่อนพี่น้องร่วมชาติ    เราต้องให้ความเคารพในสิทธิ์ของเขา และรักเขาฉันท์พี่น้องตามที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงสั่งไว้
ส่วนผู้ที่เป็นรัฐบาล เป็นข้าราชการ ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนที่มีนั้นอย่างดีอย่างยุติธรรม ซื่อสัตย์ เช่น ดูแลความสงบเรียบร้อย จัดการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากด้วยความเอาใจใส่