ทำไมต้องสารภาพบาปกับพระสงฆ์
22868337    เราได้รับการอภัยบาปจากพระเจ้า ผ่านการอภัยบาปของพระสงฆ์องค์ใดก็ได้ แม้ว่าพระสงฆ์องค์นั้นก็มีบาดแผลจากบาป และต้องได้รับการอภัยเช่นเดียวกัน พระสงฆ์ได้รับอำนาจของพระคริสตเจ้า พระสงฆ์ทุกองค์จึงกลายเป็นผู้รักษาที่มีบาดแผล พระสงฆ์ไม่ใช่ผู้อภัยบาป แต่พระคริสตเจ้าทรงให้อภัยบาปผ่านทางพระสงฆ์
    หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมต้องสารภาพบาปกับพระสงฆ์ และไม่สารภาพบาปกับพระเจ้าโดยตรง เมื่อมองจากมุมของพระเจ้า เราได้คำตอบง่ายๆ คือ ไม่มีเหตุผล เราต้องพิจารณาตนเองเพื่อค้นหาเหตุผล การอภัยบาปมีอะไรมากกว่าการให้อภัย

การสารภาพบาปมีคุณประโยชน์สำหรับวิญญาณ ความชั่วที่บุคคลหนึ่งเคยกระทำ แต่ไม่เคยสารภาพ เป็นเหมือนตัวหนอนที่กัดกินหัวใจ เราจำเป็นต้องพูดถึงสิ่งที่ทำให้เรากังวลใจ เมื่อเราสารภาพบาป เราสามารถพูดทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเรา และรู้ว่าเรื่องของเราจะไม่มีวันถูกเปิดเผย การสารภาพบาปจึงช่วยเติมความต้องการของมนุษย์ที่อยากเปิดเผยตนเอง เราอาจต้องการคำแนะนำด้วย และการสารภาพบาปก็ช่วยเราในด้านนี้ได้
    ถ้ามองให้ลึกลงไปอีกก็จะพบว่า เราจำเป็นต้องแสดงสิ่งที่เราคิด และอยู่ในใจของเราออกมาทางคำพูด เครื่องหมาย และกิริยาท่าทาง เราต้องการเห็นว่าพระเจ้าทรงให้อภัยเราจริงๆ เราจำเป็นต้องเห็น ได้ยินและรู้สึกได้ถึงการให้อภัยนั้น มิใช่เพียงแค่คิดเอาเอง เราต้องการให้มนุษย์คนอื่นช่วย เราแสดงสิ่งที่อยู่ภายในออกมาภายนอก และเปิดใจของเราเบื้องหน้าพระเจ้า พระสงฆ์ช่วยเราให้สัมผัสรับรู้ และประกาศความเมตตาของพระเจ้าในชีวิตของเรา
    เราไม่ไปหาพระเจ้าโดยตรง เมื่อเราป่วยด้วยโรคฝ่ายกาย ดังนั้น ทำไมเราจะต้องไปหาพระองค์โดยตรง เมื่อเราป่วยด้วยโรคฝ่ายวิญญาณ เป็นเรื่องง่ายมากที่เราจะไม่ไปสารภาพบาปเสียเลย หรือหลอกตนเองว่าเราไม่มีบาป
    การสารภาพบาป หมายถึง การเผชิญหน้ากับความเป็นจริงเกี่ยวกับตัวเราเอง
    แต่การสารภาพบาปเท่านั้นยังไม่พอ บุคคลที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วอาจสารภาพบาปเหมือนที่เขาเคยสารภาพเมื่ออายุ 10 ปี หรือ 12 ปี บ่อยครั้งที่มนุษย์เราไม่ยอมมองไกลเกินข้อบกพร่องแต่ละข้อ การกระทำผิดเป็นเพียงการระเบิดออกมาภายนอก เป็นเพียงอาการหนึ่ง เราต้องพิจารณาทั้งตัวตนของเรา เราต้องพิจารณาการกระทำ ความทุกข์ทรมาน การประจญต่างๆ และการต่อสู้ของเราเพื่อจะเป็นคนดี รวมทั้งความล้มเหลวในการต่อสู้นั้น
    การสารภาพบาปจำเป็นต้องมีการพินิจพิเคราะห์ตนเอง เราต้องยอมรับด้านมืดของตัวเรา แต่ต้องจำไว้ว่าพระคริสตเจ้าไม่ได้เสด็จมาเพื่อพิพากษาเรา แต่เสด็จมาเพื่อช่วยเราให้รอดพ้น เราได้รับเชิญให้พิพากษาตนเอง ให้พิจารณาตนเอง ตรวจสอบตนเอง ไม่ง่ายเลยที่จะยอมรับว่าเรายากไร้ อ่อนแอและเป็นคนบาป แต่เราต้องปัดกวาด ถ้าเราต้องการเห็นความสะอาด ความสมบูรณ์ และสันติสุข
    บางคนสารภาพแต่บาปในอดีต ราวกับเขาไม่เชื่อจริงๆ ว่าพระเจ้าทรงให้อภัยบาปเหล่านั้นแล้ว

    บางทีปัญหาแท้จริงของเขาคือ เขายังไม่ให้อภัยตนเอง เขาควรเรียนรู้จากนักบุญเปโตร ท่านไม่เคยลืมว่าท่านเคยปฏิเสธพระเยซูเจ้า แต่เหตุการณ์นั้นไม่ได้ตามหลอกหลอนท่านเหมือนบางคน ที่ถูกบาปของตนหลอกหลอน
    นักบุญเปโตรเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากความผิดพลาด ท่านพบความจริงอันเจ็บปวดในตนเองว่าท่านไม่ได้เข้มแข็ง กล้าหาญ หรือใจกว้างอย่างที่เคยคิด และท่านเรียนรู้ความจริงอันน่าพิศวงเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าว่า แม้ท่านปฏิเสธพระองค์ พระองค์ก็ยังรักท่าน ความรักของพระเยซูเจ้านี่เองที่ช่วยเปลี่ยนเวลาแห่งความเจ็บปวดและความอัปยศ ให้กลายเป็นเวลาแห่งพระหรรษทาน และความรอด
    เราสามารถเรียนรู้จากบาปของเราได้เช่นกัน เราเรียนรู้เกี่ยวกับความอ่อนแอของเรา และเราเรียนรู้เกี่ยวกับคุณความดีของพระเจ้า เพราะบาปของเรา ทำให้เราได้สัมผัสกับความรักและพระเมตตาของพระเจ้า เมื่อเราเรียนรู้จากข้อผิดพลาด ทุกครั้งที่เราระลึกถึงข้อผิดพลาดนั้น เราจะรู้สึกสำนึกในบุญคุณ มากกว่าจะประณามตนเอง

ที่มา: นิตยสารแม่พระยุคใหม่ เดือนกันยายน-ตุลาคม 2013/2556 หน้า 13-14