คำสอนเรื่อง สมโภชปัสกา
พระธรรมล้ำลึกสำคัญที่สุด แต่หนึ่งเดียวของพระศาสนจักร

1. เทศกาลปัสกา คือการฉลองสำคัญสูงสุดของพระศาสนจักร เพราะว่าเป็นสาระสำคัญที่สุด และเป็นธรรมล้ำลึกแห่งการช่วยให้รอดพ้นแต่หนึ่งเดียวที่พระเจ้าประทานแก่มนุษย์ เป็นธรรมล้ำลึกประเสริฐสุด และเป็นคุณค่าสูงสุดที่พระเจ้าประทานแก่โลก เพื่อมนุษย์จะได้ผ่านพ้นจากความตายตลอดนิรันดรอันเป็นผลของบาปและความไม่เชื่อฟัง โดยให้มนุษย์มีความหวังในชีวิตนิรันดรอีกครั้งหนึ่ง อาศัยการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้า เพราะเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยในพระคัมภีร์อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน กล่าวคือ โดยทางพระเยซูคริสต์ อาศัยความตายและการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ เราจึงได้มีชีวิตนิรันดร

“ดังนั้น เราถูกฝังไว้ในความตายพร้อมกับพระองค์ อาศัยศีลล้างบาป เพื่อว่าพระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายเดชะพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาฉันใด เราก็จะดำเนินชีวิตแบบใหม่ด้วยฉันนั้น ถ้าเรารวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ในการสิ้นพระชนม์ เราก็จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ในการกลับคืนพระชนมชีพด้วยเช่นกัน” (รม 6:4-5 เทียบ อฟ 6:2, คส 3:1, ทธ 2:11)

2. คริสตชนในอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จงเตรียมฉลองสมโภชปัสกาให้ดีที่สุดตามความหมายนี้อย่างจริงจัง โดยสาระสำคัญเกี่ยวกับการเตรียมและการฉลองปัสกา ซึ่งพระศาสนจักรมอบให้เพื่อรื้อฟื้นและไตร่ตรอง ในโอกาสนี้เราขอมอบเนื้อหาสาระสำคัญของ “คำแนะนำเรื่องเทศกาลมหาพรตและการเตรียมสมโภชปัสกาจากสมณะกระทรวงจารีตพิธีกรรม” (CIRCULAR LETTER CONCERNING THE PREPARATION AND CELEBRATION OF THE EASTER FEASTS) เขียนไว้สำหรับบรรดาคริสตชนตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 มกราคม 1988 ซึ่งอันที่จริงเราแน่ใจว่าสาระสำคัญของคำแนะนำฉบับนี้มีผลต่อการปฏิบัติในโอกาสสมโภชปัสกามาโดยตลอดอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี เนื่องจากเราเห็นว่าเนื้อหาสาระของเอกสารฉบับนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับคริสตชนทุกคนในอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เพื่อช่วยเตรียมจิตใจของเราทุกคน ให้สามารถเดินทางตลอดเทศกาลมหาพรตเพื่อมุ่งสู่การสมโภชปัสกาได้อย่างมีความหมาย เพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ ความมั่นคงในความเชื่อและความหวังถึงชีวิตนิรันดรยิ่งขึ้น และเพื่อให้ทุกคนสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งถึงความล้ำเลิศของพิธีกรรมต่างๆ ในระหว่างการเตรียมสมโภชปัสกาปี 2004 นี้เป็นพิเศษ อันจะส่งผลยั่งยืนในชีวิต และความเชื่อซึ่งได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยพระธรรมล้ำลึกปัสกาอันศักดิ์สิทธิ์แต่หนึ่งเดียวนี้ตลอดไป เอกสารฉบับนี้เป็นเสียงเรียกร้องของพระศาสนจักรถึงความสำคัญของพิธีกรรม โดยเฉพาะพิธีกรรมในเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระศาสนจักร เพื่อ “งานช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจะได้บรรลุความสำเร็จอาศัยพิธีกรรม” (SC 2) ดังนั้น เราจึงขอมอบ “คำแนะนำเรื่องเทศกาลมหาพรตและการเตรียมสมโภชปัสกา” นี้เพื่อจุดประสงค์ดังที่ได้กล่าวข้างต้น

3. คริสตชนทุกหมู่เหล่าต้องใส่ใจอย่างยิ่งยวดต่อการสมโภชปัสกา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยความรัก มุ่งแสวงหาความรู้ความเข้าใจ ใส่ใจศึกษาและไตร่ตรองความหมาย อีกทั้งขอให้รักษาแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับพิธีกรรมต่างๆ อย่างเคร่งครัดและถูกต้องตามคำแนะนำที่พระศาสนจักรสอนด้วยความเชื่อมั่น ดังนั้น เราขอย้ำเตือนถึงคริสตชนของเราทุกคนให้เตรียมจิตใจ และร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในพิธีกรรมและการดำเนินชีวิตตลอดเทศกาลมหาพรตและปัสกานี้อย่างจริงจัง

สำหรับพระสงฆ์ ขอให้ทุกท่านศึกษาคำแนะนำที่พระศาสนจักรมอบให้นี้อย่างเคร่งครัด โดยซื่อสัตย์ต่อความหมายยิ่งใหญ่แห่งพระธรรมล้ำลึกปัสกา ซึ่งพระสงฆ์ทุกองค์ได้รับมาเป็นหน้าที่ในฐานะที่เป็นศาสนบริกรผู้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ในพระบุคคลของพระเยซูเจ้า (In Persona Christi) เพื่อว่าอาศัยพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ตลอดเทศกาลมหาพรตและปัสกานี้ พระสงฆ์พร้อมกับคริสตชนจะรับความศักดิ์สิทธิ์ และสัมผัสกับพระธรรมล้ำลึกปัสกาได้อย่างแท้จริง อนึ่ง เราขอเรียกร้องให้พระสงฆ์ของเราทุกองค์ได้ไตร่ตรองให้ลึกซึ้งถึงคำแนะนำของพระศาสนจักร ขอให้ใช้ทุกโอกาสที่ทำได้เพื่ออธิบาย สั่งสอน และถ่ายทอดคำแนะนำดังกล่าวนี้แก่บรรดาสัตบุรุษ ทั้งนี้สัตบุรุษของเราจะได้เติบโตในความเข้าใจ และร่วมสมโภชปัสกาได้อย่างศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น

นักบวชชายหญิงและผู้ถวายตนทั้งหลาย คำแนะนำดังกล่าวนี้จะมีคุณค่าอย่างมากสำหรับชีวิตที่ถวายตนของทุกท่าน เพราะพระธรรมล้ำลึกปัสกาคือเหตุผลที่ทำให้เกิดกระแสเรียกของท่านทั้งหลาย กระแสเรียกการถวายตนเพื่อร่วมงานกับพระศาสนจักร โดยอาศัยการถวายตนของท่านเฉกเช่นพระคริสตเจ้าที่ทรงถวายชีวิตเพื่อความรอดพ้นของมวลมนุษย์ เราจึงขอให้ทุกท่านได้ใช้คำแนะนำนี้เป็นเครื่องมือสำหรับไตร่ตรองพิธีกรรมและความหมายลึกซึ้งของปัสกา เราเชื่อว่าอาศัยการรับผิดชอบในการจัดเตรียมพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญอย่างยิ่งของทุกท่านร่วมกับพระสงฆ์ และการมีส่วนร่วมในพระธรรมล้ำลึกปัสกาของพระเยซูเจ้าในพิธีกรรมตลอดเทศกาลมหาพรต และปัสกาจะทำให้ชีวิตนักบวชของทุกท่านได้ก้าวหน้าเติบโตยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

พี่น้องคริสตชนทุกคน เราเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์และความศรัทธาภักดีของทุกท่านในการเข้าร่วมพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์แห่งการสมโภชปัสกานี้เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมตัวสมโภชด้วยการคืนดีกับพระเจ้าในศีลอภัยบาป การฟังและปฏิบัติตามพระวาจา โดยเฉพาะด้วยการสวดภาวนา การกระทำกิจเมตตาปรานี รวมทั้งการพลีกรรมใช้โทษบาป ฯลฯ อย่างไรก็ดี เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคำแนะนำที่มอบให้ในครั้งนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้ร่วมสมโภชปัสกาอย่างมีคุณค่าและมีความหมายต่อชีวิตคริสตชนของท่านยิ่งขึ้น ดังนั้น เราจึงขอให้อ่านไตร่ตรอง และศึกษาเอกสารที่มอบให้นี้อย่างดี และเข้าร่วมพิธีกรรมต่างๆ ในเทศกาลมหาพรตและปัสกาด้วยความรักและความศรัทธาอย่างจริงจังยิ่งขึ้น

สำหรับผู้เตรียมตัวเป็นคริสตชน พระศาสนจักรมารดาศักดิ์สิทธิ์รอคอยด้วยความยินดียิ่ง เตรียมตัวท่านทุกคนนับตั้งแต่เวลาที่ท่านสมัครเข้าเป็นคริสตชน เราต้องไม่ลืมว่าเป้าหมายสำคัญอย่างยิ่งประการหนึ่งของเทศกาลมหาพรตคือ เพื่อเตรียมท่านทุกคนให้รับศีลล้างบาปในวันสมโภชปัสกา ดังนั้น ขอให้โอกาสมหาพรตนี้เป็นเวลาพิเศษ เป็นช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่ท่านจะได้รับศีลล้างบาปเพื่อมีส่วนในชีวิตนิรันดรตามความหมายแห่งการสมโภชปัสกาที่แท้จริง   เพราะพระศาสนจักรเชื่อดังที่ท่านนักบุญเปาโลกล่าวไว้ว่า “พี่น้อง เราถูกฝังไว้ในความตายพร้อมกับพระองค์ อาศัยศีลล้างบาป เพื่อว่าพระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายเดชะพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาฉันใด เราก็จะดำเนินชีวิตแบบใหม่ด้วยฉันนั้น ถ้าเรารวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ในการสิ้นพระชนม์  เราก็จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ในการกลับคืนพระชนมชีพด้วยเช่นกัน” (รม 6:4-5) พระวาจาตอนนี้ท่านทั้งหลายจะได้ฟังอีกครั้งในพิธีตื่นเฝ้าคืนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่ท่านจะได้รับศีลล้างบาป เราจึงขอประกาศความเชื่อนี้อย่างจริงจัง เพราะอาศัยความเชื่อนี้ ท่านจะได้รับศีลล้างบาปได้เป็นบุตรของพระเจ้าและเป็นสมาชิกถาวรของพระศาสนจักร เราขอแนะนำให้ท่านได้อ่าน ศึกษา ไตร่ตรองเอกสารพระศาสนจักรที่มอบให้นีเช่นเดียวกันด้วย

4. ขอส่งความสุขและความปรารถนาดีมายังพี่นองทุกท่าน ขอให้พระคริสตเจ้าผู้ทรงรับทรมาน สิ้นพระชนม์ และทรงกลับคืนพระชนมชีพเป็นความหวังนิรันดร และเป็นพลังแห่งการเจริญชีวิตของคริสตชนในอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ทุกคนเสมอไป

พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู
พระอัครสังฆราชแห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
วันพุธรับเถ้า 25 กุมภาพันธ์ 2004