ความเชื่อของท่านช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว
มาระโก 5:21-43
bleeding woman touches jesus    เราอาจพูดได้ว่าการที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาหญิงคนหนึ่งให้หายจากการตกเลือด เป็นข้อยกเว้นในการอัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ เพราะพระเยซูทรงทำอัศจรรย์แต่ละครั้งด้วยความตั้งใจ ทรงทำด้วยพระประสงค์ ความตั้งพระทัย พระองค์ไม่ทรงตั้งเจตนาไว้ก่อน เมื่อทรงรักษาโรคของหญิงผู้นั้น เหตุการณ์เกิดขึ้นเพราะหญิงผู้นั้นคิดว่า “ถ้าฉันเพียงได้สัมผัสเพียงฉลองพระองค์ก็จะหายจากโรค” เขาไปหาพระองค์ด้วยความขลาดกลัว ไม่ได้ร้องตะโกนให้ทรงช่วยเหมือนชายตาบอดที่เมืองเยริโคคนนั้น (มธ.20:29-30)

แต่ความเชื่อและความถ่อมตัวถ่อมใจของเขานี่เองที่ดึงดูดความเมตตาของพระเยซูเจ้า ทั้งๆที่รู้ว่าทรงเมตตารักษาหายแล้ว เขาก็ยังคงรู้สึกเกรงกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์ เราพูดได้ว่า เพราะความเชื่อนั้นเองเขาจึงเกรงกลัวพระองค์ แน่นอนที่ว่าพระเยซูทรงมีอารมณ์อ่อนโยนสุภาพย่อมเข้าใจดีถึงความรู้สึกนั้น ทรงพูดกับนางว่า ความเชื่อของท่านช่วยท่านให้หาย ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว พระองค์ไม่ได้ทรงกล่าวย้ำกับนางว่า เรารักษาเจ้าให้หายแล้ว พระวาจาที่ว่า “ความเชื่อของท่านช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” หมายความว่า ความเชื่อแบบถ่อมตัวของท่านจะช่วยให้ท่านมีชัยชนะเหนือความไม่เชื่อไปตลอดชีวิต และท่านสามารถสร้างสรรค์ขึ้นได้ด้วยตัวท่านเอง ตัวเราเองสามารถทำตัวเองให้เป็นสวรรค์หรือนรกก็ได้ทั้งนั้น แต่ความจริงก็คือ พระเจ้าปรารถนาให้ทุกคนรอดจากนรก ไม่ทรงปรารถนาให้ใครตกนรกเลย ที่สำคัญคือ ความเชื่อของตัวเราเอง เพราะเราเชื่ออย่างไรเราก็เป็นเช่นนั้น แน่นอนว่าคนที่เชื่อว่าตนเองเป็นสุขก็ทำให้ตนเองเป็นสุข ตรงข้ามคนที่เชื่อว่าตนเองไม่มีความสุขเขาก็ไม่มีความสุข ความรอดพ้นก็เช่นเดียวกัน ทุกสิ่งเกิดขึ้นกับท่าทีภายในจิตใจ โดยเฉพาะคนที่มีความรักของพระเจ้าเป็นพื้นฐาน ท่าทีในจิตใจย่อมเป็นสิ่งถูกต้อง คนที่ปฎิเสธความรักของพระเจ้าจนแม้ในวาระสุดท้าย ของชีวิตก็เท่ากับว่าเขาทำตัวเองให้เป็นนรก
    จริงอยู่เราไม่อาจทราบได้ว่ามีใครบ้างที่ปฎิเสธความรักของพระเจ้าจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แต่เราก็มีใจเช่นเดียวกับพระเจ้าคือ ปรารถนาให้ทุกคนได้รับความรอดพ้น และไม่มีสักคนเดียวที่ตกนรก แต่เราอาจไม่ยืนยันอะไรได้เลยในเรื่องนี้
    ตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น ผมเคยดูต้นกุหลาบในสวน มันกำลังจะผลิดอกตูม แค่คืนนั้นฝนตกหนัก กิ่งกุหลาบหักแต่ยังติดอยู่กับลำต้นเพราะส่วนของกิ่งที่เป็นเปลือกบางๆ ยังขาดไม่หมด ผมคิดว่าวันรุ่งขึ้นมันคงจะตายไปแต่อีกสองสามวันต่อมาปรากฏสิ่งอัศจรรย์ขึ้น เพราะกิ่งที่ติดอยู่กับลำต้นได้เพราะเพียงแค่เปลือกบางๆยังขาดไม่หมด ชีวิตของดอกไม้เล็กๆดอกหนึ่งยังน่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้ แล้วชีวิตมนุษย์ที่เต็มด้วยพระธรรมล้ำลึกล่ะ มนุษย์เราไม่สามสารถเชื่อพระเจ้าได้เต็มร้อยก็จริง แต่ถ้าเราเชื่อมติดสนิทกับพระเจ้าเพียงแค่หนึ่งเปอร์เซ็น เพียงแค่นี้เพียงพอที่จะทำให้เราเกิดผลของชีวิตนิรันดรได้  จดหมายถึงชาวฮีบรูบอกว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้บุกเบิกความเชื่อและทรงทำให้ความเชื่อนั้นสมบรูณ์ หมายความว่า เราไม่ต้องทำอะไรเลยใช่หรือเปล่า ไม่ใช่ เราต้องร่วมมือกับพระเจ้า เราร่วมมือกับพระองค์ได้ด้วยการเชื่อมติดความเชื่อ  แม้ว่าเพียงแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์โดยไม่มีความสิ้นหวัง แล้วเราก็จะได้ยินพระเยซูตรัสกับเราว่า ความเชื่อของท่านช่วยท่านให้ท่านรอดพ้นแล้วเหมือนอย่างที่ทรงพูดกับหญิงที่ตกเลือดคนนั้น

ที่มา: หนังสือชีวิตนิรันดร