กระแสเรียกของผู้เจ็บไข้
มัทธิว 11:28-30
    เรามักจะเรียกภาระหน้าที่พิเศษจากพระเจ้าว่า  “กระแสเรียก” พระเยซูทรงรียกเรา เรียกอัครสาวกให้รับภาระหน้าที่พิเศษ สำหรับชาวคาทอลิกไม่เพียงแต่ทรงมีกระแสเรียกให้เป็นพระสงฆ์ เป็นซิสเตอร์เท่านั้น การแต่งงานก็เป็นกระแสเรียกเช่นเดียวกัน เพราะเราได้รับมอบหมายภาระหน้าที่พิเศษจากพระเยซูด้วยเช่นกัน เพราะเราได้รับมอบหมายภาระหน้าที่แก่เรา

วันนี้พระเยซูตรัสกับเราในมัทธิว   11:28  “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด” ใครบ้างเป็นคนที่ทรงถูกเรียกนี้ ใครบ้างที่เป็นคนที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก อาจจะเป็นคนใดคนหนึ่งที่กำลังเจ็บป่วยก็ได้
    เราอาจจะพูดได้ว่าการเป็นคนเจ็บ เป็นคนไข้ก็คือกระแสเรียก มีใครบ้างที่จะเข้าใจความรู้สึกความทุกข์ทรมานของคนเจ็บไข้ได้ดีกว่าคนที่เจ็บป่วยเอง คนที่เคยเป็นโรคเท่านั้นเข้าใจดี คนที่พบพระเยซูและได้รับพระคุณของพระจิตเจ้าจะได้รับภาระหน้าที่พิเศษด้วย ในเวลาเดียวกันเขาได้รับความยินดี ขณะเดียวกันเขาได้รับหน้าที่และความรับผิดชอบด้วย หมายความว่าเขาต้องส่งต่อหรือถ่ายทอดสิ่งที่ตนได้รับต่อไปด้วย
เราเห็นตัวอย่างจากพระวรสารที่พระเยซูเจ้าทรงสั่งห้ามคนที่ทรงรักษาพูดถึงเรื่องการรักษา แต่เขาก็พูดทั้งๆที่ถูกห้าม เขาปิดปากตนเองไว้ไม่อยู่เพราะความยินดีเต็มล้นภายในจิตใจ คนที่ได้พบพระเยซูก็เช่นเดียวกันไม่ควรจะปิดปากตัวเองไว้โดยเฉพาะ คนไข้ที่พระเยซูได้ทรงรักษา พวกเขาได้รับพระพรพิเศษที่เป็นภาระหน้าที่ก็คือความเข้าใจถึงความรู้สึกของคนเจ็บไข้ได้ป่วยคนอื่นๆ
    เมื่ออยู่ที่ญี่ปุ่นบ่อยครั้งที่ผมพบเห็นคนไข้มีความยินดี แม้ว่าบางคนยังคงมีความเจ็บป่วยรักษาไม่หาย อยู่ๆเขาก็พูดด้วยความยินดีว่า “แน่นอนการเจ็บป่วยเป็นเรื่องหนักสำหรับเขา แต่เพราะป่วยอย่างนี้เขาจึงมีโอกาสสวดภาวนา ถ้าสบายดีก็คงไม่คิดจะทำ” เขาขอบพระคุณพระเจ้าที่ป่วยโปรดสังเกตด้วยว่าเขาไม่ได้พูดว่า ผมสวดภาวนาทั้งๆที่ไม่สบาย แต่พูดว่า ขอบคุณที่ไม่สบายเพราะมันทำให้ผมสวดภาวนา
    หญิงคนหนึ่งตาบอดตั้งแต่อายุ 20 ปี และเป็นอัมพาตต้องอยู่บนเตียงตลอดเวลา 40 ปี หลังจากได้พบพระเยซูและรับศีลล้างบาปแล้ว เธอบอกว่า เธอเคยบ่นว่าเรื่องที่ต้องเป็นอัมพาต ตาบอดมาตลอด จนกระทั่งได้พบพระเยซูและรู้สึกถึงความยินดีของการได้เชื่อ หญิงคนนี้เสียชีวิตอย่างสงบเมื่ออายุ 60 ปี ทั้งๆที่เป็นอัมพาตและตาบอดอยู่ถึง 40 ปี ผมมักจะได้รับความยินดีจากความเชื่อของคนเหล่านี้ ผู้หญิงคนนี้อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์คนเดียว แต่ไม่เคยมีขโมยหรือเรื่องร้ายใดๆเกิดขึ้นกับเธอเลย เธอชื่อ  ฮิเดโกะ ซึ่งแปลว่าลูกของสติปัญญา นามสกุลคูริตะ เธอเป็นคนหนึ่งที่ผมอยากพบบนสวรรค์และเชื่อว่าจะได้พบเธอแน่นอน
    การเป็นคนไข้คนเจ็บเป็นกระแสเรียก การเป็นคนแก่หรือผู้สูงอายุก็เช่นเดียวกัน คนแก่สามารถทำสิ่งที่หนุ่มสาวไม่สามารถทำได้อย่างเช่น คนแก่สามารถนำความอบอุ่น ความสงบเงียบมาสู่ครอบครัว ในขณะที่วัยรุ่นตรงข้ามที่เต็มไปด้วยความร้อนรนและพลัง
    การเป็นคนแก่จึงเป็นกระแสเรียกเช่นกัน คนแก่บางคนอาจคิดว่าตนไม่เป็นที่ต้องการ ไม่ค่อยมีเพื่อน อยู่ในบ้านเหงาและเศร้า พระสันตปาปาทรงบอกว่าเมื่อไรก็ตามที่เศร้าหรือเหงาต้องพยายามเข้าไปหาคนที่เหงาหรือเศร้ามากกว่าตัวเอง และเรื่องนี้คือภาระหน้าที่ของคนแก่นั่นเอง
    คนเราไม่ว่าจะมีหน้าที่การงาน วัย หรือสถานภาพใด ต่างก็เป็นกระแสเรียกทั้งนั้น ถ้าเป็นไปได้เราอยากให้แต่ละคนพบพระเยซูในที่เขาทำงานอยู่ ทำงานเพื่อรายได้ก็จริงอยู่ แต่ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อสังคม เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลคนอื่นๆด้วย ถ้าเรามีชีวิตที่แสวงหาแต่กำไรให้ตัวเอง เราก็จะพบพระเจ้าไม่ได้ การมีชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่นๆคือการมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น และนี่คือทางที่เราจะพบพระเจ้า เราสามารถพูดได้ว่าแต่ละคนล้วนเป็นผู้นำไปสู่สวรรค์ เราเห็นพระเจ้าในแต่ละคนและเราเองก็สามารถนำเขาให้เดินเข้าสู่หนทางสวรรค์ได้

ที่มา: หนังสือชีวิตนิรันดร