การสะสมทรัพย์ในสวรรค์หมายถึงอะไร
0    คุณเอาบัญชีออมทรัพย์หรือบางทีบัญชีธนาคารในห้องของคุณมาดู คุณฝากเงินเพราะคุณต้องการออมเงินเพื่อจะซื้อของที่สำคัญที่สุดในอนาคต เมื่อคุณมีเป้าหมายอันหนึ่ง –ซึ่งเป็นบางสิ่งที่มีความสำคัญที่คุณชอบที่จะทำ นั่นคือชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งนั้น ถ้าคุณออมเงินเพื่อซื้อจักรยานหรือกล้องดิจิตอล บางทีคุณต้องไม่เสียเงินเกี่ยวกับสิ่งอื่น คุณถึงจะบรรลุเป้าหมายได้ คุณจึงต้องฝากเงินในธนาคารหรือในบัญชีออมทรัพย์

   คุณรู้ไหมว่า คุณสามารถเก็บสิ่งที่คุณสะสมไว้ในสวรรค์ได้ พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงอย่าสะสมทรัพย์สมบัติบนแผ่นดินนี้เลย ที่นี่ทรัพย์สมบัติทั้งหลายถูกสนิมและขมวนกัดกิน และถูกขโมยเจาะช่องเข้ามาขโมยไปได้ แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์เถิด ที่นั่นไม่มีสนิมหรือขมวนกัดกิน และขโมยก็เจาะช่องเข้ามาขโมยไปไม่ได้” (มธ 6.19-20)
    ดังนั้น ทั้งหมดเกี่ยวกับอะไรล่ะ เอาล่ะ หลายคนทำงานเพื่อซื้อสิ่งของต่างๆ มากขึ้น แต่เมื่อเราตายเราจะไม่สามารถนำทรัพย์สมบัติของเราไปกับเราเวลาไปสวรรค์ ตอนนี้การครอบครองทรัพย์สินไม่ใช่สิ่งผิด แต่พระเจ้าทรงพระประสงค์ให้เราสนใจในสิ่งที่ยั่งยืนหลังชีวิตนี้    สิ่งใดจะอยู่ยืนยงหลังชีวิตนี้ ก็คือ การที่เรามีความสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้าและคนที่รักพระองค์ จะเป็นทรัพย์สมบัติที่คงอยู่ตลอดไป เราด้วยที่จะสะสมทรัพย์ในสวรรค์เพื่อเราจะได้มีส่วนในพระพันธกิจของพระเจ้าบนโลกนี้
    พระเจ้าทรงพอพระทัยเมื่อเราทำสิ่งต่างๆ เพื่อคนอื่น แทนที่จะใช้เวลาและเงินทองทั้งหมดของเราเพื่อตัวเราเอง เราสามารถช่วยคนชรา บริจาคทานเงินช่วยเหลือคนจน ซื้อพระคัมภีร์เพื่อผู้อื่น หรือมอบของขวัญคริสต์มาสเพื่อลูกน้อยของนักโทษ เราสามารถบริจาคเงินเพื่อธรรมทูตจะได้เดินทางโดยเครื่องบินไปยังสถานที่ต่างๆ และเล่าเรื่องของพระเยซูเจ้าให้คนอื่นฟัง เราสามารถใช้ไหวพริบของเราด้วยเพื่อแบ่งปันความรักของพระเจ้ากับคนอื่น (เหมือนการทำละครเพื่อเล่าเรื่องของพระเยซูเจ้าแก่เพื่อน
บ้าน ครอบครัวของเราหรือกลุ่มเด็กเล็ก) ถ้าเราทำสิ่งเหล่านี้เพราะเรารักพระเยซูเจ้า เราจะสะสมทรัพย์ฝ่ายวิญญาณในสวรรค์
    จำไว้ว่า พระเยซูเจ้าตรัสอย่างไรว่าทรัพย์สมบัติที่เราสะสมบนโลกจะมีมอดและสนิมกัดกิน แต่สิ่งที่เราสะสมในสวรรค์จะปลอดภัยในพระหัตถ์ของพระเจ้า ด้วยการให้ การแบ่งปันและการทำสิ่งต่างๆ เพื่อพระเยซูเจ้าในตอนนี้ เราสามารถสะสมทรัพย์ที่ยั่งยืนที่กำลังรอคอยเราเมื่อเราไปถึงสวรรค์
    เนื่องจากสิ่งต่างๆ ที่เราหาซื้อมาในโลกนี้เป็นสิ่งที่ไม่คงทน และเป็นการโง่เขลาเมื่อซื้อสิ่งของต่างๆ มากมาย อาทิ คอมพิวเตอร์ เครื่องสเตริโอและของเล่นที่เราจะขว้างทิ้งอยู่ดี (สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขไม่นาน 
เขาก็นำไปโละขายลดราคาที่อู่รถหรือขายทางอินเตอร์เน็ต) แต่เป็นการฉลาดที่จะแบ่งปันบริจาคเงินและอาหาร ตลอดจนสิ่งอื่นๆ แก่คนที่ต้องการสิ่งเหล่านี้จริงๆ
    นอกจากการบริจาคเงินแก่วัดและแก่ธรรมทูต เรายังสามารถบริจาคเงินแก่กลุ่มคริสตชนที่ช่วยเลี้ยงดูคนที่หิวโหยหรือประสบภัย เช่น น้ำท่วม พายุเฮอริเคน และแผ่นดินไหว พระเยซูเจ้าทรงพระประสงค์ให้เราทำสิ่งเหล่านี้ และพระองค์จะประทานรางวัลแก่เราสำหรับทุกสิ่งที่เราได้ทำ
    ข้าพเจ้าขอคำแนะนำให้พาครอบครัวของคุณไปทัศนศึกษา เพียงคุณพูดคุยกับผู้ปกครองของคุณว่า เป็นความคิดที่ดีหรือไม่ นั่นคือ การไปเที่ยวตามกองเศษเหล็กหรือสินค้าแบกะดิน เดินลัดเลี้ยวในสวนสนุก และไม่ต้องเสียค่าผ่านประตูด้วย สิ่งที่ช่วยได้คือ คุณลองมอง “ทรัพย์” กองพะเนินของของขวัญในวันคริสตมาสและของขวัญวันคล้ายวันเกิด คุณจะเห็นว่า เป็นเรื่องสัพเพเหระที่เราจ่ายเงินหลายร้อยดอลล่าร์ บางครั้งเด็กๆ ถึงกับทะเลาะเพื่อแย่งกัน และทำให้ครอบครัวแตกแยก คุณอาจเห็นแขนขาจากตุ๊กตาสงคราม หุ่นยนต์ที่เป็นสนิม และอุปกรณ์ไฟฟ้า ของกระจุกกระจิกที่ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้แล้วและลืมไปแล้ว คุณมั่นใจได้เลยว่าของสัพเพเหระจะจบลงที่กองขยะอย่างนี้แหละ
    ให้คุณคิดล่วงหน้าถึงเวลาที่คุณเคยเป็นเจ้าของสิ่งที่จะอยู่ในกองขยะนี้ คุณจะทำอะไรที่อยู่คงทนจนถึงนิรันดรภาพ
    ถ้าคุณเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังพระเยซูเจ้าและสะสมทรัพย์ของคุณไว้ในสวรรค์เป็นคำตอบที่น่าตื่นเต้น ถ้าทรัพย์ของคุณอยู่ในสวรรค์ คุณก็จะดำเนิน
ชีวิตห่างจากทรัพย์สมบัติของคุณในโลกนี้ เพราะคุณจะใช้ชีวิตมุ่งสู่ทรัพย์ของคุณในสวรรค์เสมอ
    ยิ่งคุณมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์มากเท่าใด คุณยิ่งหวังรอที่จะไปสวรรค์มากเท่านั้น

ที่มา: หนังสือสวรรค์สำหรับเด็ก