พระวาจาของพระเจ้าในชีวิตของพระศาสนจักร


การพบกับพระวาจาของพระเจ้าในพระคัมภีร์


72.    เป็นความจริงว่าพิธีกรรมเป็นโอกาสพิเศษเพื่อประกาศ ฟัง และเฉลิมฉลองพระวาจาของพระเจ้า และยังเป็นความจริงอีกด้วยว่าการพบปะนี้ต้องได้รับการเตรียมตัวในใจของบรรดาผู้มีความเชื่อ เพื่อเขาจะได้รับและร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระวาจานั้นได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยแท้จริงแล้วชีวิตคริสตชนหมายถึงการพบกับพระเยซูคริสตเจ้าซึ่งทรงเรียกเราให้ติดตามพระองค์ ดังนั้นสมัชชาพระสังฆราชจึงกล่าวบ่อยมาก ถึงความสำคัญยิ่งของการเอาใจใส่งานอภิบาลในชุมชนคริสตชนต่างๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่แต่ละคนจะวางแนวทางทั้งส่วนตัวและส่วนรวมเพื่อมุ่งไปหาพระวาจาของพระเจ้า และวางพื้นฐานของชีวิตจิตของตนอย่างแท้จริง. พร้อมกับบรรดาพระสังฆราชแห่งสมัชชาข้าพเจ้ามีความปรารถนาอย่างยิ่ง “ให้เกิดช่วงเวลาใหม่ที่สมาชิกประชากรของพระเจ้าทุกคนจะแสดงความรักมากยิ่งขึ้นต่อพระคัมภีร์ เพื่อว่าเมื่อได้ภาวนาและอ่านด้วยความเชื่อ พร้อมกับเวลาที่ผ่านไป  บรรดาผู้มีความเชื่อจะได้ค่อยๆมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับองค์พระเยซูเจ้า” 
    ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของพระศาสนจักร นักบุญหลายองค์กล่าวถึงความจำเป็นที่จะรู้จักพระคัมภีร์เพื่อมีความรักต่อพระคริสตเจ้ายิ่งขึ้น เรื่องนี้เห็นได้ชัดในงานเขียนของบรรดาปิตาจารย์  นักบุญเยโรมซึ่งรักพระวาจาของพระเจ้าอย่างมากเคยถามตนเองว่า “จะมีชีวิตอื่นได้อย่างไรที่ไม่มีความรู้เรื่องพระคัมภีร์ ซึ่งช่วยให้เรารู้จักพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นชีวิตของบรรดาผู้มีความเชื่อ”  ท่านนักบุญรู้ดีว่าพระคัมภีร์เป็นเครื่องมือ “ที่ช่วยให้ผู้มีความเชื่อสนทนากับพระเจ้าได้ทุกวัน”  ท่านแนะนำนางเลตาสุภาพสตรีชาวโรมเรื่องการอบรมบุตรสาวดังนี้ “จงให้เขาศึกษาข้อความตอนหนึ่งของพระคัมภีร์ทุกวัน***..... การอ่านต้องตามการภาวนา การภาวนาต้องตามการอ่าน.... ให้เขารักพระคัมภีร์แทนที่จะรักเพชรพลอยและผ้าไหม”  ข้อความที่นักบุญเยโรมเขียนถึงพระสงฆ์ชื่อเนโปเซียนอาจใช้กับเราได้ด้วย “จงอ่านพระคัมภีร์บ่อยๆ ยิ่งกว่านั้น อย่าให้การอ่านพระคัมภีร์หลุดจากมือท่านเลย ท่านจะสอนอะไรก็จงเรียนรู้จากพระคัมภีร์เถิด”  ให้เราปฏิบัติตามแบบฉบับของนักบุญยิ่งใหญ่ท่านนี้ ซึ่งใช้ชีวิตของท่านเพื่อศึกษาพระคัมภีร์และให้คำแปลพระคัมภีร์เป็นภาษาละติน ที่เรียกว่าฉบับ Vulgata แก่พระศาสนจักร และให้เราปฏิบัติตามแบบฉบับของนักบุญทุกองค์ที่คิดว่าการพบกับพระคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลางของชีวิต เราจงรื้อฟื้นการศึกษาเพื่อจะเข้าใจพระวาจาที่พระเจ้าประทานแก่พระศาสนจักรให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ถ้าทำเช่นนี้ เราจะเข้าถึง “วิธีดำเนินชีวิตคริสตชนในแบบที่สูงกว่าธรรมดา”    ชีวิตเช่นนี้ต้องได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยการฟังพระวาจาของพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ ดังที่สมเด็จพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ทรงปรารถนาเมื่อเริ่มคริสตสหัสวรรษที่สาม