22. ประชาชนต้องการกษัตริย์
    ชาวอิสราเอลได้แบ่งแผ่นดินของตนเองออกเป็นสิบสองส่วน    แต่ละส่วนมีแนวอาณาเขตของตนเองอย่างชัดเจน    ท่านผู้เฒ่าแต่ละคนได้รับส่วนแบ่งตามจำนวนครอบครัวของตนที่มี    แต่ละครอบครัวก็ได้รับส่วนแบ่งเพียงพอที่จะใช้ทำมาหากิน
    แต่ละเผ่าอยู่กันอย่างเป็นอิสระ แต่ถ้าเมื่อข้าศึกมาโจมตี เขาก็จะรวมตัวกันต่อต้านศัตรู    และพระเจ้าก็ได้ประทานความปลอดภัยให้กับเขา    เพื่อมิให้เขาต้องตกอยู่ในอันตราย
    และแล้วอิสราเอลก็เริ่มพบว่า เป็นการยากอย่างยิ่งที่จะไว้วางใจพระเจ้าแต่เพียงองค์เดียว และที่จะคอยให้พระองค์ประทานความปลอดภัยให้แก่พวกเขาทุกๆ ครั้งเมื่อเขาต้องการ    เขาต้องการผู้นำที่ถาวร คือ กษัตริย์    ซามูเอลเป็นแต่เพียงผู้ตัดสินที่พระเจ้าส่งมา    ซามูเอลได้ถามคนเหล่านั้นว่า “ท่านแน่ใจหรือว่าท่านต้องการคำนับมนุษย์? ทำงานให้กับเขา จ่ายภาษีให้แก่เขา”    แต่ผู้แทนของเผ่าก็พูดว่า “เราต้องการเป็นเหมือนชนชาติอื่นๆ กษัตริย์จะบอกเราว่าอะไรผิดอะไรถูก และกษัตริย์จะต้องเป็นผู้นำในการออกสงคราม”
    พระเป็นเจ้าทรงตรัสกับซามูเอลว่า “จงฟังซิว่าคนเหล่านั้นเรียกร้องอะไร? ไม่ใช่เจ้าที่เขาปฏิเสธ แต่เป็นเรา”    ดังนั้นซามูเอลจึงได้เจิมซาอูลในนามของพระเจ้าให้เป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล    พระเจ้าประทานพระจิตมาเหนือเขา ซาอูลก็อาจจะยังคงเป็นกษัตริย์ที่ดี ถ้าตัวเขาเองมีความไว้วางใจพระเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจ    แต่ซาอูลไม่ไว้ใจคนอื่นแม้กระทั่งพระเจ้า    เขาไม่มีความไว้วางใจใครทั้งสิ้น เขาได้กลายเป็นคนโศกเศร้าและสับสน    พระเจ้าไม่ได้ประทับอยู่กับซาอูลต่อไปดังนั้นซาอูลจึงไม่สามารถเป็นผู้นำของชาวอิสราเอล หรือ ทำการป้องกันพวกเขาได้ต่อไป (1 ซมอ 8-15)