แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

36. เยเรมีย์เตือนให้ระวังการลงโทษของพระเจ้า
    ประชาชนที่รักษาพันธสัญญากับพระเจ้ามีไม่มากนัก    กองทัพของพวกเขาไม่อาจจะเทียบได้กับกองทัพของประเทศมหาอำนาจ เขาไม่สามารถป้องกันจากชาวอัสซีเรีย    เพื่อให้รอดพ้นจากการถูกยึดแผ่นดิน และไล่ต้อนคนเป็นจำนวนมากออกจากประเทศของตนเองไปยังดินแดนต่างชาติ    นับว่าเป็นเคราะห์ร้ายของผู้ที่มีความเชื่อซึ่งจำต้องยอมรับการลงโทษจากพระเจ้า    ทั้งๆ ที่ได้รับการเตือนล่วงหน้าจากประกาศกของพระเจ้าแล้ว
    ในกรุงเยรูซาเล็ม เยเรมีย์ได้เตือนประชาชนว่า “จนถึงเวลานี้เป็นเวลายี่สิบสามปีแล้วที่พระยาห์เวห์ตรัสพระวาจาแก่ข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้เอาใจใส่พูดกับท่านทั้งหลายโดยไม่หยุดยั้ง แต่ท่านทั้งหลายไม่ยอมฟัง     ท่านแต่ละคนจงละทิ้งความประพฤติชั่วและการกระทำผิดของคนแล้วท่านจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์ประทานแก่ท่านและแก่บรรพบุรุษตั้งแต่นานมาแล้วและตลอดไป แต่ท่านทั้งหลายไม่ยอมฟังเรา    ดังนั้นพระยาห์เวห์จอมจักรวาลตรัสดังนี้ “เพราะท่านทั้งหลายไม่ยอมฟังถ้อยคำของเรา บัดนี้ เราจะเรียกกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนผู้รับใช้ของเราไปรวบรวมชนทุกเผ่าทางเหนือ จะนำเขาทั้งหลายมาโจมตีแผ่นดินนี้    แผ่นดินนี้ทั้งหมดจะกลายเป็นซากปรักหักพังและเป็นที่ร้าง ชนชาติเหล่านี้จะรับใช้กษัตริย์แห่งบาบิโลนเป็นเวลาเจ็ดสิบปี”
    และทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้น เนบูคัดเนสซาร์ได้ยกทัพมาล้อมกรุงเยรูซาเล็มและต่อมาไม่นานประชาชนในเมืองก็ขาดแคลนขนมปัง ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างรุนแรงแล้วพวกบาบิโลนก็เจาะกำแพงเป็นช่องเข้าไปในเมือง เผาพระวิหาร พระราชวังของกษัตริย์และบ้านใหญ่ๆ ของประชาชน กำแพงของกรุงเยรูซาเล็มถูกพังทลายลง ภาชนะที่ใช้เป็นเครื่องสักการะในพระวิหารก็ถูกยึดเอาไปโดยชาวบาบิโลน  ประชาชนที่สำคัญและช่างแกะสลักก็ถูกไล่ต้อนออกจากเมืองไปกรุงบาบิโลน        นอกจากคนยากจน คนบ้านนอก และคนปลูกองุ่นเท่านั้นที่ยังได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อไปในผืนแผ่นดินที่เป็นบ้านเกิดของเขา (ยรม 25 : 52)