แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

พระเยซูคริสตเจ้า : องค์ความจริงแห่งมนุษยชาติ
13. สภาพมนุษย์ของพระเยซูเจ้า และรหัสธรรมอันสูงส่งแห่งการมาบังเกิดเป็นมนุษย์ แห่งองค์พระบุตรของพระบิดา ได้ฉายแสงความสว่างมายังสภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์อย่างไร? พระบุตรของพระเป็นเจ้าเสด็จมารับสภาพมนุษย์  มิใช่เพื่อเพียงแต่ทรงเผยพระบิดาและแผนการไถ่กู้อย่างครบบริบูรณ์เท่านั้น แต่พระองค์ยังทรง “เผยแสดงมนุษย์ให้แก่พระองค์เองอย่างครบสมบูรณ์” พระวาจาและพระภารกิจของพระองค์ และเหนือสิ่งอื่นใด การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระองค์ เป็นการแสดงอย่างลึกซึ้งว่า การเป็นมนุษย์นั้นมีความหมายอย่างไร ในที่สุดมนุษย์ก็สามารถรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเอง อาศัยพระเยซูเจ้า ชีวิตมนุษย์อันครบถ้วนของพระเยซูเจ้า ชีวิตที่ทรงอุทิศเพื่อความรักและรับใช้พระบิดาและมนุษย์โดยสิ้นเชิงนี้ เผยแสดงว่ากระแสเรียกของมนุษย์ทุกคนก็คือการรับความรักและการมอบความรักเป็นการตอบแทน ในพระเยซูเจ้า เราได้รับความประทับใจว่า ดวงใจมนุษย์สามารถรักพระเป็นเจ้าและมนุษย์ได้อย่างไม่มีขอบเขต แม้จะมีความทุกข์ทรมานมากมายเป็นผลตามมาก็ตาม เหนือสิ่งอื่นใด บนกางเขนนั่นเองที่พระเยซูเจ้าทรงทำลายพลังของการต่อต้านความรัก ซึ่งทำลายตนเอง อันเป็นผลจากบาปมาถึงตัวเราเอง ในส่วนของพระองค์นั้น พระบิดาเจ้าก็ทรงตอบสนองด้วยการทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนม์ อันเป็นผลแรก ของบรรดาผู้ที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าให้ละม้ายคลายองค์พระบุตร (ดู รม.8:29) ในเวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเป็นทั้งพระผู้เผยแสดง และผลสำเร็จของมนุษยชาติที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ และได้รับการฟื้นฟูตามแผนการณ์ของพระเป็นเจ้าตลอดไป ดังนั้นในพระเยซูเจ้า เราจึงได้พบกับความยิ่งใหญ่ และศักดิ์ศรีของมนุษย์แต่ละคนในดวงพระทัยของพระเป็นเจ้า ผู้ทรงสร้างมนุษย์มาตามพระฉายาของพระองค์ (ดู ปฐก.1:26) และเราได้พบจุดเริ่มต้นของการสร้างใหม่ และเรานั่นเองคือผลงานชิ้นนั้น อาศัยพระหรรษทานของพระองค์
    สภาพระสังคายนาวาติกันที่สองสอนว่า “การบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระองค์ เปรียบเสมือนการที่พระบุตรของพระเป็นเจ้า ทรงผูกมัดพระองค์เองไว้กับมนุษย์แต่ละคน อาศัยความเข้าใจอันลึกซึ้งนี้ บรรดาสมาชิกของสมัชชามองเห็นแหล่งที่มาอันสูงส่ง แห่งความหวังและพลังสำหรับประชาชนเอเซีย ในการต่อสู้และในท่ามกลางความไม่แน่นอน เมื่อชายหญิงขานตอบการเชิญแห่งความรักของพระเป็นเจ้า ด้วยความเชื่ออันมีชีวิตชีวา การประทับอยู่ของพระเป็นเจ้าในท่ามกลางเรา นำความรักและสันติมาให้ ทั้งยังเปลี่ยนแปลงจิตใจของมนุษย์อีกด้วย  ในสมณสาสน์พระพันธกิจขององค์พระผู้ไถ่ ข้าพเจ้าเขียนไว้ว่า “การไถ่กู้โลก รหัสธรรมความรักอันยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งเป็นเหตุให้บรรดาสิ่งสร้างได้รับการฟื้นฟู มีความยุติธรรมอย่างครบครันฝังรากลึกอยู่ในดวงใจของมนุษย์ กล่าวคือดวงพระทัยของพระบุตรผู้ทรงบังเกิดเป็นบุคคลแรก เพื่อจะได้ทรงเป็นความยุติธรรมในดวงใจของมนุษย์อีกหลายคน ซึ่งพระเป็นเจ้าได้ทรงกำหนดไว้แต่นิรันดรในองค์พระบุตร ผู้ทรงบังเกิดเป็นพระองค์แรก ให้เป็นบุตรของพระเป็นเจ้า และได้เรียกให้ไปสู่พระหรรษทานและไปสู่ความรัก”
    ดังนั้น พระพันธกิจของพระเยซูเจ้า มิได้เพียงบันดาลให้พระเป็นเจ้ากับมนุษยชาติเป็นหนึ่งเดียวกันเท่านั้น แต่ยังเป็นการก่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันในระหว่างมนุษย์ที่แตกแยกจากกันเนื่องจากบาปนั้น ให้ได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ พระเยซูเจ้าทรงบันดาลให้ประชาชนสามารถเจริญชีวิตเป็นพี่เป็นน้องกันได้ โดยทรงข้ามเขตการแบ่งแยกทั้งหลาย และให้มนุษย์ทุกคนน้อมรับพระบิดาแต่เพียงพระองค์เดียว ผู้ประทับอยู่ในสวรรค์ (ดู มธ.23:9) ความปรองดองกลมเกลียวใหม่ได้บังเกิดขึ้น ซึ่ง “ไม่มีความแตกต่างระหว่างชาวยิวกับชาวกรีก... ระหว่างผู้ที่เป็นทาสกับผู้ที่เป็นไท... ระหว่างชายกับหญิง เหตุว่าท่านเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งยังทรงทำลายกำแพงแห่งความเป็นอริต่อกันที่มากั้นเราไว้” (อฟ.2:14) ทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าได้ตรัสและได้ทรงกระทำ ก็ทรงเป็นพระสุรเสียงของพระบิดา ทรงเป็นพระหัตถ์และพระกร ที่ทรงรวบรวมบรรดาบุตรทั้งหลายของพระเป็นเจ้า ให้มาเป็นครอบครัวแห่งความรักเดียวกัน พระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาให้สาวกของพระองค์ดำรงชีวิตอยู่ ในความเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังที่พระองค์ทรงเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา (ดู ยน.17:11) ในบรรดาพระดำรัสสุดท้ายของพระองค์ เราได้ยินพระองค์ตรัสว่า “พระบิดาทรงรักเราอย่างไร เราก็ได้รักท่านเช่นนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเรา... นี่คือบัญญัติของเรา ให้ท่านรักกันและกัน ดังที่เรารักท่าน” (ยน.15:9,12) พระเป็นเจ้าแห่งความเป็นหนึ่งเดียว ได้ทรงส่งพระองค์มา และในฐานะที่ทรงเป็นพระเป็นเจ้าแท้และมนุษย์แท้ พระเยซูเจ้าก็ได้ทรงริเริ่มความเป็นหนึ่งเดียวกัน ระหว่างสวรรค์และแผ่นดิน ในพระบุคคลของพระองค์  เราเชื่อว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงพอพระทัยให้ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นประทับอยู่ในพระคริสตเจ้า และให้สรรพสิ่งกลับคืนดีกับพระเจ้า โดยทางพระองค์ พระคริสตเจ้าทรงโปรดให้ทุกสิ่งมีสันติ อาศัยพระโลหิตที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขนของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินหรือในสวรรค์” (คส.1:19-20) เราจะพบความรอดได้ในพระบุคคลขององค์พระบุตรของพระเป็นเจ้า ผู้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ และในพระพันธกิจ ซึ่งพระองค์แต่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ที่ได้ทรงรับไว้ในฐานะพระบุตร เป็นพระพันธกิจแห่งการรับใช้และความรัก เพื่อบันดาลชีวิตให้ทุกคน พระศาสนจักรในเอเซียประกาศความจริงแห่งความเชื่อร่วมกับพระศาสนจักรทั่วโลกว่า “มีพระเป็นเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียว และระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ก็มีคนกลางแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเป็นมนุษย์คือพระคริสตเยซู ผู้ได้ทรงมอบพระองค์เองให้เป็นค่าไถ่สำหรับมนุษย์ทุกคน” (1ทธ.2:5-6)