แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

บทที่ 4
พระเยซูเจ้าองค์พระผู้ไถ่ ทรงประกาศพระพร

 

ความสำคัญอันดับแรก แห่งการป่าวประกาศ
19. ในช่วงก่อนสหัสวรรษที่สาม พระสุรเสียงของพระคริสตเจ้าผู้กลับคืนพระชนม์ ก็ดังสะท้อนขึ้นปีใหม่ ในหัวใจของคริสตชนทุกคน “เราได้รับมอบอำนาจอาชญาสิทธิ์ทั้งหมดในสวรรค์และบนแผ่นดิน ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปให้เขา เดชะพระนาม พระบิดา พระบุตร และพระจิต จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนทุกข้อที่เราได้ให้ไว้แก่ท่าน แล้วจงทราบไว้เถิดว่า เราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไป ตราบจนสิ้นพิภพ” (มธ.28:18-20)   บรรดาอัครสาวกมั่นใจในความช่วยเหลือของพระเยซูเจ้าอย่างไม่ต้องสงสัย ท่านจึงได้เริ่มออกปฏิบัติตามพระบัญชานี้ทันที หลังจากที่พระจิตเจ้าเสด็จมา “พวกเขาออกไปเทศนาทั่วไป ในขณะที่พระเจ้าก็ทรงประกอบพระราชกิจต่างๆ ของพระองค์กับพวกเขา” (มก.16:20) สิ่งที่พวกท่านป่าวประกาศนั้น เราอาจสรุปได้โดยใช้คำของนักบุญเปาโลว่า “เหตุว่าสิ่งที่เราเทศนานั้น มิใช่ตัวเราเอง แต่เราเทศนาว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้า โดยมีเราเป็นผู้รับใช้พวกท่านโดยเห็นแก่พระเยซูเจ้า” (2คร.28:18-20) สองพันปีผ่านไป พระศาสนจักรซึ่งได้รับพระพรแห่งความเชื่อ ก็ยังออกไปพบปะประชาชนทั่วโลก เพื่อแบ่งปันข่าวดีของพระเยซูคริสตเจ้า พระศาสนจักรเป็นกลุ่มที่เร่าร้อนไปด้วยความร้อนรนเยี่ยงธรรมทูต ในอันที่ประกาศให้พระเยซูเจ้าทรงเป็นที่รู้จัก รัก เพื่อพวกเขาจะได้ติดตามพระองค์
    จะมีการเผยแพร่พระวรสารอย่างแท้จริงไม่ได้ หากไม่มีการประกาศอย่างชัดเจนว่า พระเยซูเจ้าคือองค์พระผู้เป็นเจ้า สภาพระ-สังคายนาวาติกันที่สอง และคำสอนของพระศาสนจักรตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ได้ตอบโต้ความสงสัย วุ่นวาย เกี่ยวกับพันธกิจอันแท้จริงของพระศาสนจักร และได้เน้นครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ในการเผยแพร่พระวรสารนั้น พระศาสนจักรจะต้องเน้นว่าการประกาศพระเยซูคริสตเจ้าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ดังนั้น พระสันตะปาปา ปอล ที่ 6 ทรงเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า “จะมีการประกาศพระวรสารที่แท้จริงไม่ได้  หากไม่มีการประกาศพระนามพระเยซูเจ้า ชาวนาซาเร็ธ พระบุตรของพระเป็นเจ้า ตลอดจนชีวิต พระสัญญา พระอาณาจักรและรหัสธรรมของพระองค์ ซึ่งควรได้รับการประกาศควบคู่กันไป” นี่คือสิ่งที่คริสตชนในยุคสมัยต่างๆ ได้กระทำสืบต่อกันมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ สมาชิกของสมัชชากล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “กลุ่มคริสตชนหลายกลุ่มในเอเซียได้เก็บรักษาความเชื่อของพวกเขาตลอดมา แม้จะมีอุปสรรคมากมาย แต่พวกเขาก็ยึดมั่นในมรดกฝ่ายจิตวิญญาณของพวกเขาอย่างเหนียวแน่น  สำหรับพวกเขา การแบ่งปันสมบัติอันยิ่งใหญ่นี้ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมยินดีและเร่งด่วน”
    ในขณะเดียวกัน ผู้ที่ร่วมในการประชุมพิเศษนี้ ได้ย้ำแล้วย้ำเล่าอีกว่า จำเป็นต้องมีการฟื้นฟูการอุทิศตนในการประกาศพระเยซูคริสตเจ้าใหม่ โดยเฉพาะในทวีปที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการประกาศพระวรสารนี้เมื่อสองพันไมาแล้ว วาจาของนักบุญเปาโล อัครสาวกเหมือนจะเข้าเป้า เมื่อเรามาสำนึกว่าประชาชนเป็นจำนวนมากในทวีปนั้น ยังไม่เคยได้สัมผัสกับพระบุคคลของพระเยซูเจ้าอย่างชัดเจนและจริงจัง ท่านกล่าวว่า “ทุกคนที่ขานนามพระอาจารย์เจ้า จะได้รับความรอด แต่เขาจะเรียกหาผู้ที่เขาไม่เชื่อได้อย่างไร?” และเขาจะเชื่อได้อย่างไร หากเขาไม่เคยได้ยินเรื่องของพระองค์? และเขาจะได้ยินเรื่องของพระองค์ได้อย่างไร หากไม่มีผู้ประกาศ?” (รม.10:13-14) คำถามสำคัญที่พระศาสนจักรในเอเซียกำลังเผชิญอยู่ก็คือ จะแบ่งปันพระพรซึ่งรวมพระพรทั้งหลายไว้ด้วยกัน กล่าวคือ ข่าวดีของพระเยซูคริสตเจ้า ให้แก่พี่น้องชาวเอเซียด้วยกันอย่างไร?