สมณสภาเพื่อส่งเสริมการประกาศพระวรสารซึ่งจะรับผิดชอบงานสอนคำสอน

นครรัฐวาติกัน, 25 มกราคม 2013 (VIS)

     สมเด็จพระสันตะปาทรงลงพระนามในบทสรุป “ความเชื่อทางข้อความเชื่อ” ("Fides ต่อ doctrinam")  ในวันที่ 16 มกราคม 2513  และได้ตีพิมพ์วันนี้ พระองค์ทรงปรับความคิดนี้จากสังฆธรรมนูญด้านงานแพร่ธรรม “ชุมพาบาลแสนดี” ("Pastor bonus"), ในการถ่ายโอนหน้าที่ความรับผิดชอบงานสอนคำสอนจากสมณกระทรวงเพื่อชีวิตสงฆ์มาเป็นสมณสภาเพื่อส่งเสริมการประกาศพระวรสาร ตามข้อความที่ตัดตอนมาจากเอกสารดังต่อไปนี้

    สมเด็จพระสันตะปาปาทรงลิขิตว่า “ความเชื่อต้องได้รับการสนับสนุนจากข้อความเชื่อที่สามารถส่องสว่างจิตใจและดวงใจของผู้มีความเชื่อ. ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่เจาะจงที่เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่นี้ เน้นย้ำสิ่งอื่นที่เป็นวิกฤตที่น่าเร้าใจเกี่ยวกับความเชื่อ ต้องตระหนักถึงความรู้ที่สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังอันสูงส่งที่เกิดขึ้นในดวงใจของผู้มีความเชื่อเมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่ที่ท้าทายโลกและ
พระศาสนจักร ดังนั้น การเข้าใจเรื่องความเชื่อต้องมีเนื้อหาที่แสดงออกด้วยภาษาใหม่ๆ, เราสามารถที่จะนำเสนอความหวังที่มีชีวิตของผู้มีความเชื่อต่อคนที่ตั้งคำถามได้

    ในวันครบรอบปีที่ 50 ของการเปิดประชุมสภาสังคายนาวาติกันที่ 2 ขณะที่พระศาสนจักรยังคงไตร่ตรองเกี่ยวกับความมั่งคั่งของคำสอนที่ประกอบด้วยเอกสารต่างๆที่เราใช้ค้นหาวิธีใหม่ๆของการนำคำสอนไปปฏิบัติ. เป็นไปได้ที่จะเห็นเส้นทางยาวที่ผ่านมาหลายสิบปีในเรื่องงานคำสอน. อย่างไรก็ตาม เป็นเส้นทางหนึ่งในหลายปีที่ติดตามสังคายนานี้ที่ไม่มีข้อผิดพลาดรวมทั้งข้อผิดร้ายแรงด้วย ทั้งในเรื่องวิธีการและเนื้อหา ทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งและนำไปสู่การพัฒนาเอกสารหลังสภาสังคายนาวาติกัน ซึ่งเป็นความมั่งคั่งใหม่ของงานคำสอน”

    คำสอนของสภาสังคายนาวาติกันของพระอาจาริยภาพที่ตามมา ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างธรรมประเพณีกับกระบวนการประกาศพระวรสารมากขึ้น. ดังนั้นงานคำสอนคือก้าวที่สำคัญของการประกาศพระวรสารในชีวิตประจำวันของพระศาสนจักร เป็นการประกาศและสื่อพระวาจาของพระเจ้าด้วยท่าทีที่มีประสิทธิภาพและมีชีวิตชีวา เพื่อว่าจะเข้าถึงทุกคนและผู้มีความเชื่อ ได้รับการฝึกฝนและรับการศึกษาในพระเยซูเจ้า เพื่อสร้างพระกายทิพย์ ซึ่งก็คือ พระศาสนจักร”

    การเขียนสมณลิขิตเพื่องานแพร่ธรรมในรูปบทสรุปของ “'Ubicumque et sempter' ลงวันที่ 21 กันยายน, 2010, ข้าพเจ้าได้ก่อตั้งสมณสภาเพื่อส่งเสริมการประกาศพระวรสารแบบใหม่เพื่อทำ “ปลายทั้งสองโดยการสนับสนุนให้มีการไตร่ตรองหัวข้อต่างๆของการประกาศพระวรสารแบบใหม่ และโดยการกำหนดเอกลักษณ์และส่งเสริมวิธีที่เหมาะสมและวิธีที่ทำให้สำเร็จ. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะมอบงานเกี่ยวกับการส่งเสริม “การใช้การสอนคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก ให้เป็นรูปแบบที่จำเป็นและรูปแบบสมบูรณ์ของเนื้อหาความเชื่อสำหรับผู้คนในสมัยของเรา” ไปสู่หน่วยงานใหม่”

    "ข้าพเจ้าเชื่อว่า ความคิดทั้งหมดเหมาะกับกาลเวลาที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันที่พึงใส่ใจ ในพระนามของสมเด็จพระสันตะปาปาในนิกายโรมัน สิ่งนี้เป็นเครื่องมือของการประกาศพระวรสาร ที่การสอนคำสอนพร้อมกับการสอนคำสอนในรูปแบบต่างๆ  ทำหน้าที่แทนพระศาสนจักร เพื่อก่อให้เกิดการเข้าถึงด้านงานอภิบาลที่มีประสิทธิภาพและเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทีเดียว. สภาสันตะสำนักใหม่จะสามารถทำให้พระศาสนจักรท้องถิ่นและพระสังฆราชท้องถิ่นได้ทำงานด้านนี้อย่างเหมาะสม”

    “ดังนั้น การยอมรับข้อตกลงที่หัวหน้าของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอไปนั้น, ข้าพเจ้าตัดสินใจที่จะถ่ายโอนผู้มีความสามารถในงานคำสอนที่สังฆธรรมนูญด้านแพร่ธรรม “ชุมภาบาลแสนดี” มอบหมายให้สมณกระทรวงเพื่อชีวิตสงฆ์ลงวันที่ 28  มิถุนายน 1988,  แก่สมณสภาเพื่อส่งเสริมการประกาศพระวรสารแบบใหม่, ด้วยขอบเขตอำนาจเดียวกันในการปฏิบัติก่อนหน้าที่ฐานะสมณกระทรวงตามกฎหมายพระศาสนจักรกำหนดไว้. "