แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

22 มิถุนายน

นักบุญโทมัส โมร์  มรณสักขี

(St Thomas More, Martyr [1477-1535])

St Thomas More 3

ได้รับการขนานนามว่า "บุรุษแห่งทุกกาลสมัย" ("a man for all seasons") โดย Erasmus  นักบุญโทมัสเป็นบุตรของผู้พิพากษาของเมืองลอนดอนคนหนึ่ง  ชื่อว่า จอห์น โมร์ (John More) ท่านได้ร่ำเรียนวิชากฎหมายจากอ๊อกซ์ฟอร์ด (Oxford) และต่อมาไม่นานก็เป็นทนายความ  เนื่องจากเป็นคนที่มีความศรัทธามาก  ท่านได้เข้าฝึกปฏิบัติเรื่องทางด้านฝ่ายจิตกับพวกฤาษีคาร์ตูเซียน (Carthusian monks)  เป็นเวลา 4 ปี  เมื่ออายุ 27 ปี ได้แต่งงานกับ เจน โคล์ท (Jane Colt)  มีลูกสาวด้วยกัน 3 คน และลูกชาย 1 คน  เจนได้เรียนพูดลาตินจากท่าน  จนสามารถร่วมวงสนทนากับบรรดาผู้ทรงความรู้ต่างๆ  ที่มาเป็นแขกที่บ้านของท่านบ่อยๆ  แต่หลังจาก 8 ปีที่แต่งงานอยู่ด้วยกัน  เจนได้สิ้นชีพ  ต่อมาโทมัสได้แต่งงานใหม่กับแม่ม่าย ชื่อ อลิซ  มิดเดิลตัน (Alice Middleton)  ซึ่งได้พิสูจน์ตนเองว่าเป็นแม่บ้านที่ยอดเยี่ยม  และเป็นแม่เลี้ยงที่น่ารักของลูกทั้ง 4 คนของท่าน

โทมัส  โมร์  มีชื่อเสียงรุ่งโรจน์ต่อสาธารณชนอย่างรวดเร็ว  ได้รับการเลือกให้เป็นสมาชิกสภาด้วยวัย 26 ปี  ได้ทำงานกับเจ้าหน้าที่พนักงานมณฑลของกรุงลอนดอน (sheriff of London)  ซึ่งตำแหน่งนี้ทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร  เช่นดูแลการเลือกตั้ง  ยึดทรัพย์ (- จาก New Model English-Thai Dictionary ของ So Sethaputra) ทำให้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดกับพวกคนจนๆ  ต่อมาได้กลายเป็นสมาชิกสภาองคมนตรีของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8  (a member of King Hery VIII 's Privy  Council)  และในปี ค.ศ. 1529 ได้รับแต่งตั้งในตำแหน่งเทียบเท่ารัฐมนตรียุติธรรมของอังกฤษ  มีหน้าที่เป็นอธิบดีศาลสูงสุด  และเป็นประธานสภาขุนนางด้วย (= Lord Chancellor of England) แต่ตำแหน่งอันทรงเกียรติ และความรับผิดชอบเหล่านี้  ไม่ได้ทำให้ท่านลดความเอาใจใส่ต่อครอบครัวและการให้การศึกษาแบบคริสตชนต่อลูกๆของท่าน  ท่านภาวนาอย่างศรัทธา  ดำเนินชีวิตอย่างมีคุณธรรม  ผนวกเข้ากับการนำเอาการศึกษามาประยุกต์ใช้อย่างน่าชื่นชม  สิ่งเหล่านี้คือ "สาระ"  ในการดำเนินชีวิตของครอบครัวของท่าน  ส่วนการหย่อนใจเช่น สนใจงานศิลปะ  การอ่าน  และการทำสวน  คือ "เครื่องชูรส"  ให้กับชีวิต  ดังที่ครั้งหนึ่งท่านเคยเขียนไว้ว่า  "มนุษย์เราอาจดำเนินชีวิตสำหรับโลกหน้า  โดยที่ก็ยังมีความสุขอยู่ด้วย"

St Thomas More 2

โทมัส โมร์ ใช้เวลานอนหลับวันละ 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น  ท่านมักสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบเพื่อใช้โทษบาป  และแม้มีตำแหน่งสูงก็ยังไปร่วมในพิธีมิสซาที่วัดของท่าน  ไปร่วมร้องเพลงในวัด  ไปร่วมเดินแห่แสวงบุญ  ท่านเคยเขียนว่า  "องค์พระผู้เป็นเจ้าของฉันทรงเดินเท้า  ดังนั้น ฉันจะไม่ติดตามพระองค์ไปบนหลังม้า"  ท่านไม่เคยสะสมเงินไว้  แต่แจกจ่ายให้คนจนและคนป่วย  เป็นคนที่มีอารมณ์ดีเป็นธรรมชาติ  เป็นคนที่ยืดหยุ่น  แต่ท่านก็ให้ความสำคัญสูงสุดกับความจริง  ความยุติธรรม  และความซื่อสัตย์ต่อกฎเกณฑ์ของพระเจ้าและของพระศาสนจักร  มากกว่าเกียรติยศทางโลก  หรือการมีชื่อเสียง  หรือความร่ำรวย

 

เมื่อพระเจ้าเฮนรี่ ที่ 8  ไม่มีรัชทายาทชายสืบราชสมบัติจากพระราชินี คัทริน แห่ง อารากอน (Queen Catherine of Aragon)  พระองค์ทรงร้องขอไปทางโรมให้ประกาศการแต่งงานเป็นโมฆะ  เพื่อจะทรงแต่งงานใหม่กับพระนางแอน โบลีน (Anne Boleyn)  แต่ถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง  พระเจ้าเฮนรี่ทรงโกรธมาก  ทรงสั่งให้สภาที่ขึ้นกับพระองค์ออกกฎหมายสืบทอดมรดกใหม่ที่ประกาศให้พระองค์เป็นหัวหน้าศาสนจักรแห่งอังกฤษ (Head of the Church of England)  โทมัส โมร์ ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งประธานสภาขุนนางเป็นการประท้วง  และตระเตรียมตัวเองรวมทั้งครอบครัวให้พร้อมรับผลกระทบที่จะตามมา  พวกเขาได้พิจารณาด้วยกันถึงชีวิตของบรรดามรณสักขีของพระศาสนจักรด้วยถ้อยคำแห่งกำลังใจต่อไปนี้  "จะดีสักเพียงไหนที่จะยอมทนทุกข์  ยอมสูญเสียทรัพย์  ยอมติดคุก  เพื่อเห็นแก่ความรักต่อพระเจ้า"

 

และเมื่อท่านปฏิเสธที่จะให้คำสาบานใหม่ตามที่กษัตริย์ทรงเรียกร้อง  จึงถูกจับคุมขังในคุก ในปี ค.ศ. 1534 ในการถูกไต่สวนในศาล  ท่านได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่กล่าวหาท่าน  ด้วยคำพูดที่ห้าวหาญดังนี้  "สำหรับสังฆราชองค์หนึ่งที่ท่านกล่าวอ้างมา  แต่ฉันมีนักบุญเป็นร้อยๆคอยสนับสนุน  และเพียงแค่รัฐสภาเดียวของท่าน  ของฉันมีสภาทั่วไปทั้งหมดรวมเป็นพันๆปีคอยช่วยยืนยัน"  แต่บรรดาลูกขุน  ภายใต้การกดดันจากราชสำนัก ได้ตัดสินประหารชีวิตโทมัส โมร์  หลังจากถูกจำคุกเป็นเวลา 15 เดือน  ก็ถูกนำตัวขึ้นไปบนเครื่องตัดศีรษะ  เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ. 1535

 

โทมัส โมร์ เป็นหนึ่งในผู้ทรงความรู้ที่โดดเด่นมากในสมัยของท่าน  เป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขัน  ท่านเป็นผู้ประพันธ์หนังสือที่โด่งดังชื่อ "Utopia"  ซึ่งมีเนื้อเรื่องเสียดสีล้อเลียนเกี่ยวกับเรื่องเงื่อนไขทางการเมืองในสมัยของท่าน  เขียนเป็นภาษาลาตินเพื่อความขบขันในระหว่างมิตรสหายผู้คงแก่เรียนของท่าน  เพื่อแสดงว่า  คนๆหนึ่งสามารถไปได้ไกลถึงไหนในการหาเหตุผลจากธรรมชาติ  โดยปราศจากความช่วยเหลือจากการไขแสดง

 

ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นบุญราศี  โดยพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13  เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 1886  และได้รับการประกาศว่าเป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปาปีโอ ที่ 11  เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1935  และได้รับการประกาศว่าเป็นองค์อุปถัมภ์ของบรรดาผู้นำทางการเมือง โดย นักบุญ ยอห์น ปอล ที่ 2 พระสันตะปาปา ในปี "ปีติมหาการุญ" ค.ศ. 2000

 

(ถอดความโดย คุณพ่อ วิชา  หิรัญญการ จากหนังสือ Saint Companions For Each Day ; เขียนโดย A.J.M. Mausolfe และ  J.K. Mausolfe)

St Thomas More 1St Thomas More 4St Thomas More 5