แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ความหมายของความรัก “ทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน”
ปฐมกาล 2:18-25
522b0e3e4ba2ace5597d993e6f9d29fe    ทุกวันนี้มนุษย์สร้างพระเจ้าให้เป็นไปตามความรู้สึกนึกคิดหรือจินตนาการของตนเอง แต่ความจริงพระคัมภีร์ปฐมกาลบอกเราว่าพระเจ้าต่างหากที่เป็นผู้ทรงสร้างมนุษย์ตามภาพลักษณ์ของพระองค์ (ปฐก.1:27)
    ภาพลักษณ์ของพระเจ้าเป็นอย่างไร ยอห์นบอกเราว่า “พระเจ้าทรงเป็นองค์ความรัก” (1ยน.4:16) ดังนั้น มนุษย์ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้า ย่อมเป็นความรักด้วย อันที่จริงเราพูดได้ว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการความรัก เราเห็นได้ชัดเจนว่าตั้งแต่เด็กเกิดใหม่ไปจนถึงคนที่กำลังจะเสียชีวิตต่างก็ร้องหาความรัก โดยเฉพาะคนที่กำลังจะเสียชีวิต สิ่งที่พวกเขาปรารถาคือชีวิตหรือความรักนิรันดร

    ความรักจำเป็นต้องมีสองสิ่งประกอบกัน คือต้องมีผู้ให้และผู้รับ เมื่อเป็นเด็กเราเป็นฝ่ายรับความรัก เรารับความรักจากพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ฯลฯ แต่ไม่ช้าเราก็จะเรียนรู้การเป็นผู้ให้ เราแสวงหาเพื่อนฝูงคนใกล้ชิดเพื่อแบ่งปันความรักให้ เมื่อเรารู้ถึงความสุขในการให้เราก็จะแสวงหาผู้เป็นที่รักต่อไป เราเริ่มรักเพศตรงข้ามที่ถูกใจ และในที่สุดเมื่อเรารู้สึกว่าความรักที่เราให้ได้รับการสนองตอบเราก็อยากจะใช้ชีวิตร่วมกัน
    แต่เราต้องเข้าใจให้ได้ว่าความรักของมนุษย์ไม่ได้ดีสมบูรณ์เหมือนอย่างความรักของพระเจ้า ความรักอย่างมนุษย์มักจะเป็นความรักที่ทำร้ายจิตใจกันและกัน เมื่อไรก็ตามที่เราเห็นว่าความรักที่คนอื่นมต่อเราต้องสมบูรณ์แบบหรือเป็นหน้าที่ที่มีกฎมีเกณฑ์แสดงว่าเรายังไม่เข้าใจถึงความอ่อนแอของมนุษย์ มนุษย์ทุกคนล้วนมีจุดอ่อนและอ่อนแอที่เราต้องให้อภัย
    ความรักไม่ใช่สิทธิและหน้าที่ที่ต้องทำเหมือนมีกฎหมายบังคับ เราต้องเข้าใจว่าเราไม่สามารถบังคับใครให้รักเราตามสิทธิและหน้าที่ได้ และเราต้องเข้าใจว่าไม่มีใครรักใดสมบูรณ์แบบ ต้องให้อภัย ดังนั้น เงื่อนไขของการให้ความรักจึงอยู่ที่ตัวเรา คือเราต้องเรียนรู้พระวาจาของพระเจ้า ต้องรู้จักและเข้าใจพระวาจาของพระองค์ก่อน จุดนี้เองที่จะช่วยให้เราซึ่งไม่สามารถรักคนอื่นได้แท้จริงเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย และสามารถรักคนอื่นได้ด้วยจิตใจที่เต็มด้วยสันติสุขและความยินดีของพระเยซูเจ้า