แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako
ทำไมในปัจจุบันพระศาสนจักรจึงอนุญาตให้ทำการเผาศพได้


1215759630 การเผาศพหรือการเก็บรักษาเถ้าที่เผาแล้วไว้นั้นเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาแต่โบราณ ทำกันอย่างกว้างขวางทางตะวันออกมากกว่าทางตะวันตก ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเชื่อในศาสนาโบราณที่ว่าไฟเป็นสิ่งช่วยชำระให้บริสุทธิ์ ในทางตะวันตกนั้นถือธรรมเนียมการฝังศพกันมากกว่าเผาศพ
  • ชาวยิวทำการฝังศพผู้ตาย ในสมัยพันธสัญญาใหม่ก็กระทำเช่นเดียวกัน พระศพของพระคริสตเจ้าเองก็ถูกฝังไว้ เราอ่านพบในกิจการอัครสาวก เมื่อสเทเฟนถูกหินขว้างจนตายแล้วนั้น ผู้มีใจศรัทธาบางคน “นำศพของสเทเฟนไปฝัง” (เทียบ กจ 8:2)
ถึงแม้ชาวกรีกและชาวโรมันโดยทั่วไปจะเผาศพผู้ตาย คริสตชนในสมัยเริ่มแรกฝังผู้ตายไว้ในสุสานใต้ดิน การขุดที่ฝังศพใต้ดินมีจุดประสงค์เพื่อฝังศพ และที่สุสานใต้ดินนี้เองเป็นที่ฝังศพของบรรดามรณสักขีชาวโรมัน
  • ศพของบรรดาคริสตชน ผู้ซึ่งในสมัยพระศาสนจักรแรกเริ่มเรียกว่า “ผู้ศักดิ์สิทธิ์” (กจ 9:13) ได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพอย่างมากในสมัยแรกๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างกายของบรรดามรณสักขี คริสตชนให้ความเคารพต่อร่างกายของผู้ตาย มาจากความเชื่อว่าร่างกายคือพระวิหารของพระจิต “ท่านไม่รู้หรือว่าร่างกายของท่านเป็นพระวิหารของพระจิตเจ้า ผู้สถิตอยู่ในท่าน ท่านได้รับพระจิตนี้จากพระเจ้า” (1คร 6:19) ยิ่งกว่านั้น ทุกครั้งที่เรารับศีลมหาสนิท ร่างกายของเรากลายเป็นตู้ศีลที่มีชีวิต คริสตชนเชื่อเรื่องการกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตาย ซึ่งมีอิทธิพลที่ทำให้คริสตชนชอบการฝังศพมากกว่า พิธีกรรมภาวนาและมิสซาสำหรับผู้ตายก็แสดงถึงการฝัง สุสานที่ซึ่งฝังศพคริสตชนก็ได้รับการเสกเพื่อจุดประสงค์นี้ และได้รับการปฏิบัติในลักษณะเป็นพื้นที่ที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ดินของพระเจ้า เครื่องหมายแห่งการให้ความเคารพต่อร่างกายของผู้ตายคือการให้กำยานในพิธีฝังศพ
การให้ความเคารพต่อร่างกายของผู้ตายเปลี่ยนเป็นการให้ความเคารพในกรณีที่ร่างกายนั้นเป็นของนักบุญ การให้ความเคารพต่อพระธาตุนักบุญนั้นมีการปฏิบัติในพระศาสนจักรตั้งแต่สมัยแรกเริ่ม สิ่งเหล่านี้อธิบายให้เห็นว่าทำไมพระศาสนจักรจึงไม่เห็นด้วยการกับเผาศพ
  • ดังนั้นประเพณีการฝังศพคริสตชนกลายเป็นรูปแบบของการจัดการเกี่ยวกับความตาย ตามประวัติศาสตร์ พระศาสนจักรคัดค้านการเผาศพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการรู้แจ้ง (Enlightenment) (ศตวรรษที่ 18) เป็นต้นมา บางคนสงสัย กล่าวคัดค้านความเชื่อคริสตชนเรื่องการกลับคืนชีพว่าเป็นเรื่องไร้สาระ และได้ทำการพิสูจน์ให้เห็นถึงความคิดนี้ด้วยการใช้วิธีเผา เพราะการเชื่อมโยงการเผาศพกับการปฏิเสธเรื่องการกลับคืนชีพ จึงทำให้พระศาสนจักรห้ามมิให้มีการเผาศพคาทอลิก
กฎหมายเดิมของพระศาสนจักรห้ามอย่างเคร่งครัดเรื่องการเผาศพ ถึงแม้การเผานั้นจะเป็นความประสงค์ของผู้ตายก็กระทำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ยังไม่มีความชัดเจนและพูดอย่างชัดเจนในด้านการต่อต้านความเชื่อเรื่องการกลับคืนชีพของผู้ตาย ยิ่งกว่านั้น ยังมีปัญหาเรื่องสถานที่สำหรับฝังโดยเฉพาะในเมืองที่มีพลเมืองจำนวนมาก
  • ดังนั้น พระศาสนจักรจึงผ่อนปรนให้มีการเผาศพได้ แต่ก็ยังแสดงจุดยืนว่าควรทำการฝังศพมากกว่า การอนุญาตให้ทำการเผาศพได้นั้นก็มีเงื่อนไขว่า    การตัดสินใจทำการเผาศพจะต้องไม่ขัดกับข้อคำสอนของคริสตชน ประมวลกฎหมายพระศาสนจักรบอกไว้ว่า “พระศาสนจักรแนะนำอย่างยิ่งให้รักษาประเพณีฝังศพอย่างศรัทธา กระนั้นก็ดี ไม่ห้ามเผาศพ เว้นแต่การเลือกเผาศพทำไปด้วยเหตุผลที่ขัดต่อคำสอนคริสตัง” (ม.1176 วรรค 3)
เมื่อมีการตัดสินใจให้ทำการเผาศพก็ควรนำศพไปทำพิธีปลงศพที่วัดก่อนทำการเผาศพ น่าจะมีพิธีเก็บรักษาเถ้าศพ ถ้าสังฆมณฑลนั้นๆ ได้รับอนุญาตจากทางกรุงโรมให้ทำการเผาศพได้ตามความประสงค์ของผู้ตาย